อิตาลี (Italy) ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์และอารยธรรมโบราณของอาณาจักร Roman งดงามด้วยธรรมชาติชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนสีน้ำเงินคราม ที่สำคัญอิตาลีเป็นอีกแหล่งผลิตไวน์ชั้นเลิศของโลกอีกแห่งซึ่งคอไวน์รู้จักเป็นอย่างดี เพราะทั้ง 20 แคว้นของอิตาลี มีองุ่นสายพันธุ์ท้องถิ่นที่ใช้ผลิตไวน์ขาวและไวน์แดง ถึงกว่า 35 สายพันธุ์เลยละ
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/365060413_990598819022711_7626709291627851670_n-1024x768.jpg)
และค่ำคืนสุดพิเศษ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้สัมผัสกับ Italian Wine ชั้นเลิศ 5 ตัว ที่ Cafe’ Buongiorno บริษัทนำเข้า Boutique Wine ร่วมกับ Tempo Bar ณ โรงแรม Le Meridien Bangkok ร่วมกันจัดค็อกเทลไวน์เทสติ้งในธีม Beautiful Italian ขึ้น
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/365174064_588386956566598_6518655957169968624_n-768x1024.jpg)
Tempo Bar อยู่ที่ชั้น 2 ของโรงแรม Le Meridien Bangkok บรรยากาศตกแต่งอย่างเรียบหรู เหมาะกับการพบปะสังสรรค์มากๆ เริ่มตั้งแต่เวลา 17.00-23.00 น. เทมโป บาร์ ก็พร้อมเสิร์ฟอาหารฟิวชั่น และไวน์คุณภาพเยี่ยมในแบบ Sommelier Selection ให้คนรักไวน์ได้ดื่มด่ำกัน (โทร.0-2232-8888, 0-2232-8999)
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364695488_798124395131127_5230432408444698480_n-768x1024.jpg)
ไวน์ชั้นเลิศทั้ง 5 ตัว ผลิตขึ้นอย่างพิถีพิถันโดย ARRIGONI Vineyard ซึ่งทำไวน์ต่อเนื่องกันมา 4 ชั่วอายุคนแล้ว ตั้งแต่ ค.ศ.1913 ปัจจุบันจึงมีความเก่าแก่ถึง 110 ปี แล้วไร่องุ่นส่วนใหญ่ยังตั้งอยู่ในพื้นที่ World Heritage Site ของ UNESCO อีกด้วย
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364614198_809436560673869_6212326353393661470_n-768x1024.jpg)
เพื่อไม่เสียเวลา เรามาเรียกน้ำย่อยและสร้างความสดชื่นด้วย Sparkling Wine ตัวแรก “Otello Prosecco” มาตรฐานสูงระดับ DOC มีความ Extra Dry คือหวานกลางๆ แต่ยังคงความสดชื่นหอมหวานโดดเด่นของกลิ่น Green Apple ผสานกลิ่นอัลมอนด์ และดอกไม้สีขาว เหมาะเสิร์ฟเย็นฉ่ำที่อุณหภูมิ 8-11 องศาเซลเซียส จึงสัมผัสได้ถึงความพีคของกลิ่น รส และเนื้อสัมผัสนุ่มนวล เนื้อไวน์สีฟางอ่อน และมีพรายฟองเล็กละเอียด เหมาะทานคู่กับเมนูปลาหรือซีฟู้ด Otello Processo ผลิตที่ เมืองเทรวิโซ่ (Treviso) แคว้นเวเนโต้ (Veneto) ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี ซึ่งอากาศเย็น ภูมิประเทศเป็นหุบเขา โดยผลิตขึ้นจากองุ่นพันธุ์ เกลียร่า (Glera) ซึ่งเหมาะในการทำ Prosecco ที่สุด
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364697702_228374213028046_3109627824972826891_n-1024x768.jpg)
Otello Prosecco แพริ่งได้ดีกับ “ซิกเคติ” (Cicchetti) อาหารอิตาเลียนสไตล์ภาคเหนือของชาวเวเนเชียน “ซิกเคติ” แปลว่า “อาหารจานเล็ก” หรืออาหารที่เสิร์ฟมาเป็นคำเล็กๆ ซิกเคติครั้งนี้มีส่วนผสมหลักของปูม้า กับปลา Crostini’s Whisked Cod และน้ำมันมะกอกอย่างดี ทานอาหารหนึ่งคำ แล้วจิบ Otello Proseccoตาม ช่วยเสริมรสชาติกันได้อย่างดี
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/365152390_621610806449510_7130374062954877197_n-1-768x1024.jpg)
ต่อด้วย “MANON” ไวน์ขาวอันโด่งดังจาก แคว้นเวเนเซีย (Venezia) ผลิตที่เขตฟริอูลี (Friuli) ทางภาคเหนือของอิตาลี โดยใช้องุ่นพันธุ์ ปินอต กริจิโอ (Pinot Grigio /กลายพันธุ์มากจาก Pinot Noir) ซึ่งถือเป็น ปินอต กริจิโอ ที่ดีที่สุดของอิตาลี ตัวนี้มาตรฐานสูงระดับ DOC ให้สีฟางอ่อน เมื่อกระทบแสงเป็นประกายสีทอง ตัวไวน์มีความบาลานซ์ กลิ่นผลไม้หอมเข้มข้น หวานน้อย เปรี้ยวน้อย และแทบไม่ติดขมเลยเมื่อกลืนไปแล้ว เหมาะทานคู่กับเนื้อสีขาวอย่างปลา ไก่ หอย และซีฟู้ด เสิร์ฟที่อุณหภูมิ 10-12 องศาเซลเซียส คือดีที่สุด
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/365417444_6445002452259326_3580681533583380854_n-1-768x1024.jpg)
MANON Pinot Grigio แพริ่งกับ “เซวิเช่ มิกซโต้” (Ceviche Mixto) ซึ่งมีส่วนผสมลงตัวของปลากะพง, มันเทศหวาน, เมล็ดข้าวโพด คลุกเคล้าด้วยซอส Coconut Lime เผ็ดนิดๆ ชิมแล้วให้ความละมุนลิ้น กลิ่นไม่แรง
มาต่อที่ Red Wine ชื่อดังของโลกจาก เกาะซิซิลี (Sicily / คนอิตาเลียนเรียก “ซิซิเลีย”) อย่าง “SIMON B” มาตรฐานระดับ IGT ซึ่งใช้องุ่นพันธุ์หายาก เนโร ดาโวล่า (Nero D’Avola) มาบ่มหมักอย่างใส่ใจ องุ่นแดงพันธุ์นี้มีปลูกเฉพาะที่เกาะซิซิลีเท่านั้น น้ำไวน์สีทับทิมอมแดงเข้มข้น แทนนินนุ่มลื่น เปรี้ยวน้อย มีกลิ่น บลูเบอร์รี่ชัดเจน เหมาะทานคู่กับเนื้อแดง เนื้อย่าง สเต็กเนื้อ ซี่โครงแกะย่าง รวมถึง Risotto (ข้าวผัดครีมข้นอิตาเลียน) เสิร์ฟที่อุณหภูมิ 16-18 องศาเซลเซียส จะเริ่ดมาก
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364725922_838823571165560_4661198801315896973_n-1-768x1024.jpg)
ชื่อ Nero D’Avola มาจากคำว่า “Nero” แปลว่า “สีดำ” ของผลองุ่น เมื่อแก่เต็มที่เปลือกจะกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบดำ และ “Avola” เป็นชื่อหมู่บ้านทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะซิซิลี ซึ่งองุ่นพันธุ์นี้ถือกำเนิดขึ้นมา Nero D’Avola จึงได้สมญามากมาย เช่น สิงห์ดำแห่งซิซิลี และองุ่นดำแห่งหมู่บ้านอะโวล่า นอกจากนี้ยังได้ฉายาว่า “The Godfather Wine” เพราะถูกนำไปโยงกับหนังเรื่อง The Godfather ของตระกูลคอร์เลโอเน่แห่งซิซิลีด้วย
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364810371_983235592826130_6175942007309299155_n-1024x768.jpg)
SIMON B Nero D’Avola แพริ่งกับ “อารันชินี่” (Arancini) ข้าวรีซอสโตปั้นเป็นก้อน คลุกเคล้าเกล็ดขนมปัง นำไปทอด สอดไส้ด้วยเนื้อวัวตุ๋น, ถั่วพิสตาชิโอบดละเอียด ผสมกับชีสอร่อยๆ อย่าง Stracciatella Espuma ที่นิยมทานกันในภาคใต้สุดของอิตาลี
จากภาคใต้ของอิตาลี ขยับขึ้นมาที่รอยต่อภาคเหนือ-ภาคกลาง ณ “แคว้นทอสคานา” (Toscana หรือ ทัสคานี / Tuscany) แคว้นใหญ่ชายฝั่งตะวันตก ที่ได้รับลมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งปี มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับหุบเขา กลางวันร้อน กลางคืนหนาว เช้ามีหมอก จึงกลายเป็นแหล่งสำคัญของการผลิตไวน์ชื่อก้องโลก
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364194011_1489480061853704_3078709526367966566_n-768x1024.jpg)
เราได้จิบไวน์แดง “Pietraserena In NERO” มาตรฐาน IGT ผลิตจากองุ่นพันธุ์ “เวอร์เมนติโน่ เนโร” (Vermentino Nero) ซึ่งเคยเกือบจะสูญพันธุ์ไปหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเพิ่งได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาจนแพร่หลายอีกครั้ง ไวน์ตัวนี้ผลิตที่ เมืองซาน จิมิกนาโน (San gimignano) ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นเนินเขา และดินมีแร่ธาตุอุดมสมบูรณ์ เนื้อไวน์สีแดงทับทิม ค่อนไปทางสีแดงโกเมน ให้รสกลิ่นไม่ซับซ้อน ไม่หวาน แทนนิน นุ่มลื่นกำลังดี เข้ากันได้ดีกับพวก Cold Meat อย่างไส้กรอก, Tuscan Pasta และพิซซ่า
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/365329584_799521345201657_7136889845491965932_n-768x1024.jpg)
ครั้งนี้นำ Pietraserena In NERO มาแพริ่งกับ “Pork Belly” หรือหมูสามชั้น เสิร์ฟไซส์เล็กๆ พอดีคำ โดยนำหมูสามชั้นไปทำให้สุกช้าๆ ในแบบสโลว์คุกนานถึง 12 ชั่วโมง ร่วมกับ Red Wine Pear แต่งกลิ่นรสเพิ่มด้วยกระเทียม และใบโหระพาอิตาเลียน จิบไวน์แดงเข้าไปก่อนนิดนึง แล้วกิน Pork Belly ตาม รสชาติเปลี่ยนไปบนลิ้น นับว่าแปลกดี
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/365330222_1475445892995200_221374466405911516_n-768x1024.jpg)
มาถึงพระเอกของงานครั้งนี้ “Poggio Al Vento” ไวน์แดงมาตรฐานสูงระดับ Chianti Colli Sensi, DOCG ซึ่งเคยได้รับรางวัลจากการประกวดมาแล้วกว่า 10 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.1995-2017 ไวน์แดงชั้นเลิศของแคว้นทอสคานาตัวนี้ ผลิตจากองุ่น “ซานโจเวเซ่” (Sangiovese) เพียวๆ ถือเป็นพันธุ์องุ่นที่ปลูกมากที่สุดในอิตาลี เป็นองุ่นพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของทอสคานา และได้ฉายาว่า “โลหิตแห่งพระเจ้า” (The Blood of God) ด้วยเนื้อไวน์สีแดงทับทิมเข้มข้น ฉายานี้ตั้งเป็นเกียรติแด่เทพเจ้าแห่งสายฟ้า (Zeus) หรือที่คนกรีกและโรมันเรียกว่า Jupiter หรือ Jove นั่นเอง Sangiovese เป็นองุ่นที่เกิดมาเพื่ออาหารอิตาเลียนโดยแท้ เพราะมีความเปรี้ยว ค่อนข้างมาก จึงกลบความเลี่ยนของชีส พาสต้า รวมถึงเป็นไวน์ไม่กี่ชนิดที่รสชาติยังคงอยู่ เมื่อทานคู่กับอาหารที่มี Tomato Sauce
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364633533_853732702930085_4364556836132572394_n-768x1024.jpg)
Poggio Al Vento Sangiovese” นำมาแพริ่งกับ “ทาลิอาตะ” (Tagliata) หรือเนื้อวัวย่าง Medium-Rare สไตล์อิตาเลียน สไลด์เป็นชิ้นบางๆ โดยเชฟใช้เนื้อเซอร์ลอยน์สันนอก กินคู่กับแตงซูกินีย่าง มะเขือเทศ ราดซอสบัลซามิคมะกอกดำ นับว่าได้รสชาติที่เข้าคู่กับไวน์แดงขวดนี้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/SAC8594.jpg)
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364810267_271159242315181_4902352537417276514_n-768x1024.jpg)
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364549606_1456263045107559_8511177632704466630_n-768x1024.jpg)
นอกจากไวน์ทั้ง 5 ตัวแล้ว ที่ Tempo Bar ของโรงแรม Le Meridien Bangkok ยังมีเครื่องดื่มพิเศษอีกชนิดให้ลิ้มลอง คือ “ไวน์อุ่น” (Mulled Wine) ซึ่งแถบยุโรปนิยมดื่มกันในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ไวน์อุ่นมีประวัติย้อนไปได้ถึงศตวรรษที่ 14 เลย ยุคนั้นมีเฉพาะพวกขุนนางชั้นสูงที่ดื่มกัน โดยบ่มหมักไวน์อุ่นในถังไม้เคลือบทองคำ ผสมด้วย ส้ม, น้ำตาล, อบเชย, กานพลู, วานิลลา เพื่อให้เกิดรสชาติกลมกล่อม ภายหลังสามัญชนได้ทดลองนำไวน์อุ่นที่เสื่อมสภาพแล้วมาปรุงใหม่ จนเป็นที่แพร่หลาย ปัจจุบันพบไวน์อุ่นได้ในหลายประเทศ อาทิ อิตาลี, เยอรมนี, สวิตเซอร์แลนด์, ชิลี, ฝรั่งเศส, สวีเดน และโรมาเนีย เป็นต้น
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/365596714_1368547224016532_6800422975975587824_n-1024x768.jpg)
และหากใครชอบกินไอศกรีม ลองแวะไปที่ชั้นกราวด์ของ โรงแรม Le Meridien Bangkok เพราะจะมี Italian Gelato อร่อยๆ ของ Cafe’ Buongiornoให้ชิมด้วย เป็นเจลาโต้ที่ผลิตขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาเลียนแท้ๆ มีหลายสิบรสให้ชิม ราคาไม่แพง แท่งละ 90 บาทเท่านั้น รสชาติที่อยากแนะนำ เช่น ดาร์ค ช็อกโกแลต หรือวานิลลาแอลมอนด์ ซึ่งอร่อยทั้งสองชนิดเลย
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364550063_1321672818774166_8772357215791126133_n-768x1024.jpg)
![](https://lifediary.net/wp-content/uploads/2023/08/364928330_998538168036007_2339259260770043162_n-768x1024.jpg)
สนใจชิมไวน์ทั้ง 20 แคว้นของอิตาลี และสั่งซื้อไวน์อิตาเลียนหายาก ติดต่อ Cafe’ Buongiorno Tel. 06-2494-1649 (คุณพิม)