นักร้องหนุ่ม บิว-พงค์พิพัฒน์ คงนาค (บิว อาร์สยาม) มาแชร์ประสบการณ์ที่ได้ไปท่องเที่ยวในยุโรปเกือบ 2 เดือนเต็มให้ฟัง
“ประสบการณ์จากการที่ผมได้ไปทัวร์ยุโรป นอกจากความประทับใจแล้ว ยังได้สิ่งดีๆ กลับมาให้ตัวเองได้จดจำเยอะเลยครับ การเดินทางของผมเริ่มต้นจากการได้มีโอกาสไปทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองซูริค สวิตเซอร์แลนด์ แต่ตอนนั้นผมขึ้นเครื่องบินไปลงที่เนเธอร์แลนด์ก่อน เพราะที่นั่นสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก การแวะไปที่เนเธอร์แลนด์ก่อน ทำให้ผมได้ท่องเที่ยวชมเมืองอัมสเตอร์ดัมซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามแปลกตา นอกจากนี้ผมยังได้เข้าไปยังเมืองที่มีแสงสียามราตรีคล้ายกับพัทยาบ้านเราด้วย ที่นั่นคนเยอะมากๆ เรียกว่ามาจากทั่วทุกสารทิศเลยครับ
ตอนอยู่ในยุโรป ผมได้เดินทางไปท่องเที่ยว และลองใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นหลายวัน ผมจึงลองซื้อตั๋วรถไฟและตั๋วรถเมล์ด้วย แต่ราคาค่าตั๋วรถไฟจะแพงกว่ารถเมล์มาก ยิ่งถ้าคุณเดินทางข้ามประเทศโดยรถไฟด้วยนะ ราคาตั๋วจะแพงกว่าตั๋วเครื่องบินเสียอีก”
บิวบอกว่า การไปเที่ยวเมืองนอก แอพพลิเคชั่นแผนที่ในมือถือจำเป็นมากๆ เพราะมันจะบอกเราหมดทุกอย่างในเรื่องการเดินทาง แล้วยังบอกในเรื่องเวลาที่รถไฟจะมาถึงได้ตรงมากๆ
“ตอนที่ผมไปกรุงเบิร์น สวิตเซอร์แลนด์ ผมนั่งรถไฟความเร็วสูงไป ก็ไม่คิดว่าจะไกลขนาดนั้น แล้วพอได้เจอญาติและน้องที่สนิทกัน ทุกคนดีใจมาก พวกเขาจึงผมพาไปเที่ยวชมกรุงเบิร์น โดยถือโอกาสพาไปนั่งรถรางเที่ยว พาไปโบสถ์เก่าๆ ที่เขาว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ ขอพรอะไรก็จะได้ดังใจหวัง ได้ไปเที่ยวที่เมืองเก่า ไปย่านดาวทาวน์ และไปชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่สวยงาม ซึ่งเบิร์นจะต่างกับซูริคมาก
แต่ด้วยความที่เที่ยวเพลิน แถมพระอาทิตย์ตกช้า ปรากฏว่ารถไฟหมดเวลา เลยทำให้เราต้องรอขึ้นอีกรอบตอนตี 5 ทุกคนจึงตัดสินใจรอที่สถานีรถไฟ แต่เจ้าหน้าที่สถานีไม่ให้รอในนั้น ทุกคนต้องออกมาให้หมด เราเลยตัดสินใจเปิดจีพีเอสแล้วเดินเท้าไปยังที่พักซึ่งอยู่ห่างออกไป 20 กม. แต่ที่นี่ถือว่าเป็นเมืองที่ปลอดภัย เดินไปอากาศก็สบายๆ ผมยังเห็นผู้หญิงบางคนขี่จักรยานดึกๆ ดื่นๆ ก็ไม่มีอะไร พอไปถึงที่พักผมก็เตรียมตัวนั่งเครื่องบินต่อไปยังฟินแลนด์เลย”
บิวเล่าว่า เมื่อไปถึงฟินแลนด์ เขาได้ไปเที่ยวที่เมืองต่างๆ ได้ไปเห็นพระอาทิตย์ตอนตี 2 ด้วย เมื่อเที่ยวฟินแลนด์แล้ว ก็ต่อด้วยทริปล่องเรือจากฟินแลนด์ไปสวีเดนโดยใช้เวลาเดินทาง 1 คืน ในเรือลำใหญ่ ซึ่งบนเรือจะมีที่พัก ร้านอาหาร คาสิโน และร้านค้าคล้ายห้างสรรพสินค้า ทำให้เขามีความสุขมากๆ ที่ได้เห็นบรรยากาศสวยๆ ขณะล่องเรือ
“พอมาถึงสวีเดนก็ได้เห็นความสวยงามอีกแบบหนึ่ง เสร็จจากสวีเดนก็ไปเที่ยวต่อที่เดนมาร์คโดยใช้เวลาเดินทาง 1 ชม.ก็ถึงเมืองโคเปนเฮเกน ที่นี่ผมมีโอกาสได้ไปเมืองเก่าที่ รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประภาสด้วย แล้วยังได้ไปเจอวัดไทยซึ่งอยู่กลางเขาด้วยครับ เที่ยวเสร็จจึงกลับมาที่โคเปนเฮเกนอีกที โชคไม่ดีมีเพื่อนร่วมทางทำพาสปอร์ตหาย จึงทำให้ยุ่งยากพอสมควร เราต้องแก้ปัญหาไปทีละเปลาะ สุดท้ายเมื่อหาไม่เจอจริงๆ เราก็ได้ไปแจ้งความไว้ จากนั้นก็เดินทางต่อไปยังเมืองเบอร์ลิน เยอรมนี ด้วยรถทัวร์ แล้วก็เดินทางต่อไปยังเบลเยียม”
บิวเสริมว่า ถัดจากเบลเยียมเขาก็จองตั๋วรถไฟไปฝรั่งเศสต่อเลย เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยอยากไปเที่ยวฝรั่งเศสมากๆ แต่มีคนบอกว่าไปฝรั่งเศสต้องระวังตัวให้ดีนะ เพราะคนเอเชียมักจะโดนฉกกระเป๋าหรือกรีดกระเป๋าโดยไม่รู้ตัว
“ฝรั่งเศสช่วงที่ผมไปเป็นช่วงที่ร้อนกว่าเมืองไทย พอเข้าที่พักได้ เราก็หาจักรยานขี่ไปเที่ยวที่หอไอเฟลเลย เพื่อจะได้มองเห็นเมืองทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน แต่ก็จะลำบากนิดนึง เพราะช่วงนั้นอากาศร้อนที่สุดประมาณ 40 องศาเซลเซียส คือร้อนสุดในรอบ 5 ปีก็ว่าได้ เสร็จจากฝรั่งเศสเราก็ไปสวิตเซอร์แลนด์ เพราะซื้อตั๋วบินกลับเมืองไทยไว้ที่ซูริค เราใช้เวลาเดินทางจากปารีสไปสวิตเซอร์แลนด์นานนับสิบชั่วโมง โดยกลับไปที่กรุงเบิร์นอีกครั้ง และเดินทางต่อไปยังเมืองอินเทอร์ลาเคิน เมืองในฝันที่ภูเขามีความสวยงามมากๆ ที่ภูเขานี้สามารถต่อรถไฟไปยังยอดเขาจุงฟราวน์ได้ ครั้งนี้ผมมีโอกาสได้นั่งรถส่วนตัวไปที่ยอดเขากลาเซียร์ 3000 โดยขับรถขึ้นเขาไป จากนั้นไปขึ้นกระเช้าต่อ ทำให้ได้เห็นหิมะที่สวยงาม และสัมผัสอากาศที่หนาวสุดๆ เลยละ
ปิดท้ายการเดินทางที่เมืองลูเซิร์น สวิตเซอร์แลนด์ เราได้ถ่ายรูปกับเมืองเก่า และเตรียมตัวขึ้นเครื่องที่ซูริคเพื่อกลับเมืองไทย ทริปทัวร์ยุโรปในครั้งนี้ผมรู้สึกว่าได้ประสบการณ์และได้ชาร์จพลังในตัวเพื่อให้พร้อมกลับมาลุยงานต่อ ถ้ามีโอกาสผมจะกลับไปท่องยุโรปอีกแน่นอนครับ”