ใครที่กำลังมองหาทริปท่องเที่ยวประจำปี เชื่อว่า “เกาหลี” น่าจะเป็นจุดหมายปลายทางที่หลายคนหมายตา แต่หากจะไปเที่ยว สถานที่เดิมซ้ำๆ ความตื่นเต้นก็คงจะลดลงไป ในทางตรงกันข้ามหากมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ก็น่าจะเป็นสิ่งดี ซึ่งวันนี้จะขอแนะนำ “จังหวัดคยองกี” เมืองท่องเที่ยวซึ่งห่างจากกรุงโซลไปทางตะวันตกเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น สามารถเที่ยวชมได้แบบวันเดย์ทริป ที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับสถานที่น่าสนใจและกิจกรรมสนุกๆ มากมาย

สำหรับสถานที่แรกที่อยากแนะนำคือ DMZ หรือเขตแดนปลอดทหาร เริ่มที่ “Paju DMZ” สถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ซึ่งรวมเรื่องราว ความลับ ความเจ็บปวด และประวัติศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นไว้มากมาย พื้นที่บริเวณนี้เต็มไปด้วยความทรงจำของครอบครัวที่ถูกพรากจากกัน และยังเป็นเวทีของเหตุการณ์สำคัญระดับโลกอีกด้วย ที่นี่เราจะได้ชมอุโมงค์ลับใต้ดิน หรือ Third Tunnel ที่เกาหลีเหนือเจาะไว้สำหรับโจมตีเกาหลีใต้ในช่วงสงครามเกาหลี และยังมีอาคารสีฟ้า ที่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสองประเทศ และยังเคยใช้เป็นสถานที่ประชุมสำคัญระดับโลก อย่าง Panmunjom ก็อยู่ที่นี่เช่นเดียวกัน

สถานที่ถัดมาที่ไม่ได้เป็นแค่แลนด์มาร์คของจังหวัดคยองกี แต่ยังถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและสันติภาพระหว่างสองประเทศนั่นคือ “Paju Imjingak Peace Gondola” กระเช้าลอยฟ้าที่จะพาทุกท่านลอยข้ามเข้าไปในเขตควบคุมพลเรือน (Civilian Control Zone) ซึ่งเป็นครั้งแรกในประเทศเกาหลี เมื่อไปถึงยังมีนิทรรศการเกี่ยวกับสงครามเกาหลีให้เข้าชมฟรีอีกด้วย

อีก 1 ไฮไลต์สำคัญต้องยกให้ “Gimpo DMZ – Aegibong Peace Ecopark” ทุกท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่แฝงไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มีกล้องส่องทางไกลที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านโฆษณาชวนเชื่อของเกาหลีเหนือได้ด้วย ทำให้ Gimpo DMZ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์แห่งใหม่ ที่กำลังเป็นที่นิยมมากในตอนนี้ แลนมารค์สำคัญของที่นี่คือ “ร้านกาแฟสตาร์บัค” สาขานี้จะห่างจากเกาหลีเหนือเพียงแค่ 1.4 กิโลเมตรเท่านั้น ถือว่าเป็นสตาร์บัคสาขาเดียวที่ทำให้เห็นและใกล้ชิดกับเกาหลีเหนือมากที่สุด

นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว จังหวัดคยองกียังมีมรดกทางวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับคนเกาหลีมายาวนานอย่างอาหารเกาหลี ซึ่งหนึ่งในส่วนผสมสำคัญที่ทำให้อาหารเกาหลีอร่อยจนเป็นเอกลักษณ์ก็คือ “โคชูจัง” ซอสประจำชาติเกาหลีที่อยู่คู่ครัวเกาหลีมายาวนาน นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ขั้นตอนการทำซอสเกาหลีแท้ๆ และลองทำโคชูจังด้วยตัวเอง ที่ “Rice Flower’s Farmer” หรือจะเลือกทำ “บิบิมบับ” หรือข้าวยำเกาหลีก็ได้เช่นกัน

สถานที่แนะนำถัดไป คือ “Petite France & Italian Village” หมู่บ้านที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมฝรั่งเศสและอิตาลีที่สวยงาม คาเฟ่เก๋ๆ และยังเป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์ดังมากมาย ใครที่อยากสัมผัสความโรแมนติกแบบยุโรป โดยไม่ต้องบินไกลถึงฝรั่งเศสหรืออิตาลี ที่นี่คือจุดหมายที่ต้องมาเยือนให้ได้ซักครั้ง
ใครชอบธรรมชาติสวยๆ ต้องไปที่ “Gapyeong Begonia Bird Park” สวนดอกเบโกเนียและสวนปักษาที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี มีโซนนกหายากมากกว่า 40 สายพันธุ์ ให้ได้ชมกันอย่างใกล้ชิด และมีสัตว์นานาชนิดให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดอีกด้วย และไฮไลต์สำคัญที่ไม่ควรพลาดคือการล่องเรือ Gapyeong Cruise สุดโรแมนติก ที่ทำให้การล่องเรือครั้งนี้ไม่ธรรมดา

สถานที่ถัดไป ใครเป็นสายถ่ายรูปห้ามพลาดอีกแล้ว กับเมืองอิฐแฟนตาซีแห่งใหม่ล่าสุด “Ludensia” ในเมืองยอจูที่เพิ่งเปิดเมื่อปี 2023 ที่ผ่านมานี่เอง ที่นี่ใช้อิฐกว่า 1.6 ล้านก้อนในการก่อสร้าง และเต็มไปด้วยดีเทลเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของนิทานยุโรป และนี่คือไฮไลต์ที่ทำให้ Ludensia ไม่ใช่แค่สวย แต่ยังมีอะไรให้ชมได้ทุกฤดู ไม่ว่าจะใบไม้เปลี่ยนสี หิมะตก หรือซัมเมอร์สีสดก็ถ่ายรูปออกมาสวยหมด

ส่วนใครที่กำลังมองหาสถานที่สวยๆ ใหม่ๆ ไม่ควรพลาด “West Sea Cable Car” เคเบิลคาร์ที่ยาวที่สุดในจังหวัดคยองกีที่จะพาทุกท่าน เดินทางข้ามทะเลสู่เกาะเจบูโด นักท่องเที่ยวทุกท่านจะได้ชมวิวทะเลสุดลูกหูลูกตา ได้สัมผัสลมทะเลแบบพรีเมียมจากที่สูง และที่สำคัญวิวพระอาทิตย์ตกของที่นี่ สวยจนต้องหยิบกล้องขึ้นมาเก็บความประทับใจแน่นอน
แต่ถ้าใครอยากเที่ยวสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ก็ต้องไป “EVERLAND” เพราะที่นี่เต็มไปด้วยเครื่องเล่นสุดมัน อาทิ T-Express รถไฟเหาะที่ได้ชื่อว่าหวาดเสียวสุดในเกาหลี เพราะมันคือรถไฟเหาะรางไม้ที่ชันที่สุดในโลก นอกจากนี้ภายในเอเวอร์แลนด์ยังมีโซนสัตว์สุดน่ารัก และบรรยากาศโดยรอบที่เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเทพนิยาย

นอกจากนี้จังหวัดคยองกียังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่ยิ่งใหญ่ และได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกของ UNESCO นั่นคือ “ป้อมปราการซูวอน” (Suwon Hwaseong Fortress) ที่นี่ไม่ได้เป็นแค่กำแพงเมืองธรรมดาแต่เป็นกำแพงที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในยุคนั้น ทุกท่านสามารถเดินชมรอบกำแพง และสัมผัสบรรยากาศความยิ่งใหญ่ของอดีตได้แบบ 360 องศา และใครที่อยากได้ประสบการณ์สุดพิเศษ ที่นี่มีบอลลูนลอยฟ้าที่จะพาทุกท่านขึ้นไปสูงถึง 150 เมตร ซึ่งจากบนนั้นจะสามารถมองเห็น วิวพาโนราม่าของเมืองซูวอนได้แบบ 360 องศา โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกและช่วงกลางคืน ทิวทัศน์สวยงามมากทีเดียว

และถ้าพูดถึงสถานที่สุดฮิตในเมืองซูวอน สายช้อปปิ้งและสายถ่ายรูปห้ามพลาดเลยก็คือ “Starfield Suwon” หนึ่งในห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ ที่ไม่ได้มีแค่ร้านค้าเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปสุดฟิน โดยเฉพาะโซนห้องสมุดกลาง ที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น พร้อมลูกโลกลอยฟ้าสุดแฟนตาซี บอกเลยว่าใครมาที่นี่ก็ต้องเช็กอินกันทั้งนั้น
สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีเที่ยวจังหวัดคยองกีแบบง่ายๆ ไม่ต้องขับรถเอง แนะนำให้ใช้บริการ EG Tour Bus รถบัสสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่พาทุกคนเที่ยวจังหวัดคยองกีแบบวันเดย์ทริป เดินทางจากโซลได้สะดวกมาก ซึ่งรถบัสนี้จะพาทุกท่านไปสนุกกับกิจกรรมที่มีทั่วจังหวัดคยองกี เป็นบริการที่ทั้งสะดวกและราคาย่อมเยาว์

และข่าวดีสำหรับคนไทย เพราะตอนนี้ “องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดคยองกี” หรือ GTO ได้มาเปิดสำนักงานอย่างเป็นทางการ ณ อาคาร Interchange 21 ย่านอโศก กรุงเทพฯ โดยมี คุณ อี ฮโยจิน เป็นผู้อำนวยการสำนักงานประเทศไทย เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศ มุ่งขยายกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวและการตลาดระดับสากลอย่างมีประสิทธิภาพ

อยากรู้จักหรือมีข้อมูลมากขึ้น ติดตามได้ที่เฟสบุ๊กองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดคยองกี : www.facebook.com/Gyeonggi.TH