โอ้โห! ไม่อยากเชื่อเลยว่า ฉันจะสามารถเก็บเงินได้ถึง 500,000 บาทในปีนี้ ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำของเธอ
นี่เป็นคำพูดของเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ไม่เคยเก็บเงินในรูปแบบอื่นเลย นอกจากฝากธนาคาร ทั้งที่อยู่ในแวดวงการเงินแท้ๆ แต่เนื่องจากวินัยการออมน้อยไปหน่อย ประกอบกับเธอยังโสด ไม่มีห่วงให้กังวล เลยใช้จ่ายได้ตามอำเภอใจ
แม้ว่าจะเคยแนะนำเรื่องกองทุนรวมไป แต่เธอบอกว่าพอนึกจะลงทุนในกองทุนรวมทีไร ก็ไม่กล้าทุกที แต่หลังจากที่เราได้มีโอกาสพบกันอีกครั้ง ก็ได้แนะนำให้เธอซื้อกองทุน RMF และ LTF เพื่อลดหย่อนภาษี แต่ก็ยังไม่ได้ผล เพราะเธอยังมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการลงทุนในกองทุนรวมอยู่ เราจึงแนะนำให้เธอเก็บเงินในรูปแบบของการทำประกันชีวิตสะสมทรัพย์ไปก่อน เพื่อจะได้สิทธิเรื่องการลดหย่อนภาษีไปด้วย
พร้อมทั้งทำประกันสุขภาพที่เป็นลักษณะของค่าชดเชยรายวัน ในกรณีที่ต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อกันเหนียวไว้นิดหน่อย กรณีไม่สามารถเบิกจากสวัสดิการพนักงานของบริษัทได้ครบ ซึ่งเพื่อนคนนี้ก็ตกลง เพราะจ่ายเบี้ยประกันเดือนละไม่กี่ร้อยบาท
เพื่อนคนนี้เป็นสาวโสดอายุราวๆ 44 ปี เพิ่งจะเป็นไทจากการผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ไปเมื่อกลางปีที่ผ่านมา หลังจากนั้นเธอก็พยายามเก็บเงินมาโดยตลอด เพราะเริ่มกลัวว่าเกษียณแล้วจะไม่มีเงินใช้จ่าย เนื่องจากอายุปูนนี้แล้วยังหาผู้ชายมาเลี้ยงไม่ได้เลย
แต่จนแล้วจนรอด เธอก็ไม่สามารถเก็บเงินก้อนได้ (ที่จริงจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะเธอชอบเก็บในรูปของทรัพย์สิน คือรถและบ้าน) นอกจากประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่มีทุนประกันอยู่ประมาณ 200,000 บาท ที่ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันปีละ 50,000 บาท จะครบกำหนดอีก 15 ปีข้างหน้า ซึ่งเธอจะมีอายุย่างเข้า 60 ปีและเกษียณพอดี เธอก็จะได้รับเงินกลับมาประมาณ 500,000 บาท
ด้วยความรักเพื่อน ก็เลยลองคำนวณให้เธอดูว่า หลังเกษียณแล้ว ถ้าสมมติว่าเธอมีชีวิตอยู่ไปจนถึงอายุ 80 ปี เธอจะต้องเตรียมเงินไว้สำหรับใช้ในระยะเวลา 20 ปีประมาณเท่าไหร่ ปรากฏว่าตกประมาณ 12 ล้านบาท (เดือนละ 50,000 บาท) จึงลองแนะนำให้เธอใช้วิธีเก็บเงินโดยซื้อกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีสภาพคล่องคล้ายกับเงินฝากออมทรัพย์ แต่ผลตอบแทนดีกว่า แถมขายคืนได้ทุกวัน โดยสั่งขายวันนี้ เงินก็จะเข้าบัญชีในวันรุ่งขึ้น ซื้อได้ขั้นต่ำตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป
หลังจากนั้นพอเงินเดือนออก เธอก็รวบรวมความกล้าไปเปิดบัญชีกองทุนรวมที่เราแนะนำทันที เริ่มแรก 70,000 บาท จากนั้นก็ซื้อเพิ่มทุกเดือน เดือนละ 70,000-80,000 บาท แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 70,000 บาท นี่เป็นกฎกติกาที่ตกลงกันไว้ เพื่อให้ได้เงินก้อนยามเกษียณตามเป้าหมาย เดือนไหนเธอเข้าห้างน้อยหน่อย ก็จะเหลือเก็บมากขึ้น กติกาที่ตกลงกันอีกข้อคือ ซื้อเพิ่มได้อย่างเดียว ห้ามขายคืน
เมื่อเธอซื้อไปได้ 6 เดือน (ประมาณ 450,000 บาท) จึงได้เริ่มแนะนำเรื่องการซื้อกองทุนเพื่อลด หย่อนภาษี เพราะเธอเสียภาษีประมาณ 30% ต่อปี เมื่อเริ่มคุ้นเคยกับกองทุน ก็ทำให้เธอเข้าใจได้ง่ายขึ้น จึงแนะนำให้เธอซื้อกองทุน RMF และ LTF ซึ่งจะช่วยให้เธอได้ภาษีกลับคืนมาเป็นหลักแสนบาท และยังได้สะสมทรัพย์ไปด้วย
ในกรณีของ RMF เธอจะได้เงินก้อนคืนพร้อมผลตอบแทนจากการลงทุนเมื่ออายุครบ 55 ปี ส่วน LTF เป็นการลงทุนในหุ้น ซึ่งบริษัทจัดการกองทุนรวมบริษัทใหญ่ๆ ล้วนแล้วแต่มืออาชีพทั้งนั้น และการเลือกลงทุนในหุ้น ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหุ้นที่พื้นฐานดี อย่างน้อยทันทีที่ลงทุนไป เธอได้คืนมาแล้ว 30% หรือตามฐานภาษีของแต่ละคน หากเธอมีวินัยในการเก็บเงินเช่นนี้ รับรองเธอจะได้เงินตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน จะส่งผลให้เธอมีชีวิตในวัยเกษียณอย่างมีความสุข
ไม่เพียงแต่เพื่อนคนนี้เท่านั้นที่เก็บเงินด้วยวิธีแบบนี้ได้ ทุกคนก็สามารถทำได้ ไม่ว่าเงินเดือนจะมากหรือน้อย ยิ่งทุกวันนี้มีเครื่องมือในการเก็บเงินมากมายให้เราเลือกและจัดการได้หลายช่องทาง เพื่อ ให้ได้ผลตอบแทนมากที่สุด โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ ทั้งหลาย ควรใช้เครื่องมือในการลดหย่อนภาษีต่างๆ ที่มี ก็จะเป็นการดีมากๆ ต่ออนาคตของเรา