นึกย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 24–25 ส.ค.2567 ที่ผ่านมา Life Diary มีโอกาสได้ไปร่วมงาน ‘Thai Art Toy Fest 2024 : สยามเด็กเล่น’ ที่ไอคอนสยาม จึงมีโอกาสได้เห็นการสร้างสรรค์ผลงานอาร์ตทอยของเหล่าศิลปินไทยรุ่นใหม่และสตูดิโออาร์ตทอยของไทยที่ครีเอทผลงานอาร์ตทอยได้กิ๊บเก๋ ดูดีมีคุณภาพ ไม่แพ้ผลงานของศิลปินต่างชาติเลยก็ว่าได้ และหนึ่งในบรรดาอาร์ตทอยที่ทำให้เราประทับใจไปกับความน่ารักก็คือ คาแรกเตอร์น้อง Liko Liko (ลิโก ลิโก้) นั่นเอง
Liko Liko (ลิโก ลิโก้)เป็นคาแรกเตอร์ของสิงโตหน้าบันไดวัดโพธิ์ (สิงโตหน้าโบสถ์) ซึ่งมีทั้งหมด 6 ตัว กับอีก 1 ซีเคร็ตด้วยกัน ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการผลิตและมีการเปิดให้สั่งพรีออร์เดอร์ และจะจัดส่งให้ลูกค้าพร้อมกันในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้…Liko Liko (ลิโก ลิโก้) เป็นอาร์ตทอยสัญชาติไทยที่รายละเอียดดีมากๆ ไม่ว่าจะเป็นทรงผมที่มีลวดลายเหมือนลายน้ำในภาพวาดไทยโบราณ สร้อยคอดอกพุดน้ำบุศย์ รวมถึงชุดของสิงโตธาตุน้ำที่เป็นกางเกงลายช้าง เป็นต้น คาแรกเตอร์ลิโก ลิโก้นี้ออกแบบโดย เกรียงไกร กงกะนันทน์ จาก Bearwake ค่ายอาร์ตทอยน้องใหม่ของไทยที่ก่อตั้งโดย ทรงธรรม เจริญทอง (คุณอ๊อฟ) ผู้สนับสนุนหลักและผู้ส่งเสริมศิลปินไทย ซึ่งคุณอ๊อฟตั้งเป้าความสำเร็จไว้ภายใน 3 ปี ที่จะทำให้ประเทศไทยมีแฟลกชิปสโตร์ซึ่งรวบรวมอาร์ตทอยจากผลงานศิลปินไทยโดยเฉพาะไว้อวดแฟนๆ คนรักและชอบสะสมอาร์ตทอย
“แนวคิดในการเริ่มผลิตอาร์ตทอยสัญชาติไทยอย่าง ลิโก ลิโก้ เริ่มมาจากความสงสัยของผม ว่าอาร์ตทอยคืออะไร? ทำไมถึงมีแต่คนวิ่งกรูเข้ามาเพื่อจะซื้อของพวกนี้ หนึ่งในนั้นรวมถึงแฟนผมด้วย บอกตามตรงว่าตอนนั้นผมยังไม่รู้จัก Pop Mart เลยครับ แต่หลังจากที่แฟนผมคว้า Crybaby มา 1 บ็อกซ์ ทั้งๆ ที่ตัวผมเป็นคนห้ามเขาเองว่าไม่ให้ซื้อ เพราะราคาสูงมาก แล้วตอนนั้นก็ยังไม่รู้หรอกว่าข้างในเป็นอะไร หลังจากที่ซื้ออาร์ตทอยกลับมา ลูกผมก็มาหยิบไปเล่น แถมเขาจดจำคาแรกเตอร์ของอาร์ตทอยได้ เขารู้จักลาบูบู้ด้วย ซึ่งเหล่านี้มันไม่ใช่การ์ตูนเหมือนสมัยก่อนที่เรารู้จักโดเรมอน หรือตัวการ์ตูนอื่นๆ แต่ลูกผมคือเจนฯ ใหม่ ที่ความชอบของพวกเขามันเปลี่ยนไป ผมจึงมองจุดนี้ว่าเป็นโอกาสในการทำธุรกิจอาร์ตทอยได้
“ประกอบกับวันหนึ่งผมมีนัดคุยธุรกิจกับคนจีน จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นว่าเมืองไทยกำลังจะจัดงานใหญ่เกี่ยวกับอาร์ตทอยนะ ผมก็คิดว่า เอ๊ะ! ทำไมบทสนทนาตอนนั้นถึงมีอาร์ตทอยโผล่เข้ามาได้ ผมจึงเริ่มสนใจเรื่องอาร์ตทอย แล้วก็จำได้ว่ามีพี่คนหนึ่งที่เขาทำงานอาร์ตซึ่งก็คือคุณเกรียงไกร ผมจึงโทรหาเขาแล้วขอไอเดียว่า อะไรคืออาร์ตทอย เขาก็ใส่ไอเดียเข้ามาเต็มเลย แต่ยังคิดภาพไม่ออกว่าจะไปต่อยังไงดี ทั้งที่งาน 3D ออกมาเป็นโมเดลหมดแล้ว ผมก็เริ่มเห็นตัวละคร และเริ่มเห็นโอกาส จากนั้นผมก็ไปดูงานทอยส์เอ็กซ์โป แล้วคิดในใจว่า นี่มันคือตลาดอะไรน้อ…ผมก็เริ่มเดินไปตามบูธนั้นบูธนี้ ไปฟังสิ่งที่คนเขาพูดกัน เชื่อไหม…ผมฟังไม่รู้เรื่องเลย…และคิดในใจว่าทำไมมันถึงมีเรื่องที่เราไม่รู้ด้วยนะ
“ต่อมาก็เริ่มเห็นกระแสของป๊อปมาร์ท ว่ามี Licensing เยอะไปหมด บวกกับคุณเกรียงไกรก็เริ่มส่งข้อมูลของศิลปินท่านอื่นๆ ที่เป็นศิลปินไทยมาให้ผมดู ผมก็เริ่มอิน แล้วคิดต่อว่าทำไมเมืองไทยถึงไม่มีอะไรแบบนี้บ้าง เรามีศิลปินอาร์ตทอยมากหน้าหลายตา ผลงานก็สวยๆ ทั้งนั้น แต่ทำไมมันถึงไม่เกิด ผมเลยเริ่มตัดสินใจว่าจะทำธุรกิจด้านนี้ ประจวบเหมาะกับมีเรื่องของซอฟต์เพาเวอร์เข้ามาด้วย จึงคิดว่าน่าจะเป็นไปได้ เราจึงเริ่มทำ Liko Liko เป็นอาร์ตทอยไทยชิ้นแรก”
คุณอ๊อฟ บอกว่า ชอบผลงานของคุณเกรียงไกรมาก เมื่อก่อนผลงานลิโก ลิโก้ ตัวนี้ไม่ใช่อาร์ตทอย แต่มันคือ Sculpture ที่เขาออกแบบมาเป็นรูปปั้นสิงโต เมื่อผมได้ฟังสตอรี่ของเขาแล้ว ก็รู้สึกว่าเป็นไอเดียที่ขายได้ ไม่ใช่แค่วาดเฉยๆ แล้วทำอาร์ตทอย ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นมันเกิดยาก แต่อะไรที่มีสตอรี่คิดว่ามันสามารถไปต่อได้
“ผลงานลิโก ลิโก้นี้ คุณเกรียงไกรได้นำเอารูปสลักสิงโตที่อยู่ในวัดโพธิ์มาถ่ายทอดสู่งานอาร์ตทอย เนื่องจากเขาไปวัดแล้วเห็นสิงโตอยู่ตรงบันได ก็คิดว่าทำไมสิงโตตัวนี้ไม่สามารถนำมาสื่อเป็นงานศิลปะได้นะ เลยนำสิงโตมามาต่อยอดเป็นงานอาร์ตทอย โดยเพิ่มองค์ประกอบหลายๆ อย่างเข้าไป เช่น สร้อย ลูกบอล และสร้างไอเดียขึ้นมาให้กับคาแรกเตอร์ของลิโก ลิโก้ ซึ่งเป็นเทวดาผู้พิทักษ์ เป็นสิงโตหน้าวัดโพธิ์ ที่มีลักษณะผสมผสานความแข็งแกร่งและมิตรภาพ ทรงผมมีลวดลายเหมือนลายน้ำในภาพวาดไทยโบราณ จี้สร้อยคอได้แรงบันดาลใจมาจากดอกพุดน้ำบุศย์ ไม้มงคลที่เพิ่มความงดงาม และมีความหมายในเชิงวัฒนธรรม สร้างสรรค์ มีพลังบวก พูดง่ายๆ ว่า Liko Liko เป็นอาร์ตทอยที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและความหมายในเชิงสร้างสรรค์
“นอกจากนี้ ลิโก ลิโก้ ยังมีนิสัยขี้เล่น รักสนุก ชอบนอนกลางวัน และยิ้มอยู่เสมอ ซึ่งรอยยิ้มนั้นแสดงถึงเอกลักษณ์ของความเป็นมิตรและการต้อนรับที่อบอุ่นของคนไทย ลูกบอลทองคำที่ถือก็เป็นสัญลักษณ์แห่งโชคลาภ และความมั่งคั่ง แสดงถึงการปกป้องและการให้พร
“Liko Liko ใน 1 บ็อกซ์มีทั้งหมด 6 ตัว ไม่รวมซีเคร็ต โดยอาร์ตทอยแต่ละตัวจะแบ่งเป็นธาตุต่างๆ คือ ธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ ธาตุไฟฟ้า ธาตุวิญญาณ และธาตุทอง (ซีเคร็ต) อาร์ตทอยทุกตัวเราใช้ท่าทางเดียวกันทั้งหมด แต่เปลี่ยนการแต่งตัว และเน้นเรื่องของโทนสี เพื่อให้มันเกิดความหลากหลาย เนื่องจากอาร์ตทอยมีจุดเด่นในเรื่องของสีที่ต่างกัน รวมถึงคาแรกเตอร์แต่ละตัว ดวงตาลิโก ลิโก้ ก็ถูกปรับเปลี่ยนให้แตกต่างตามลักษณะของแต่ละธาตุอีกด้วย
“การที่เราออกแบบอาร์ตทอยในคอนเซ็ปต์ที่เกี่ยวกับธาตุขึ้นมานั้น ได้ผลตอบรับที่ดีทีเดียว โดยเฉพาะกับคนญี่ปุ่น รวมถึงฟีดแบ็กจากร้านอาหารที่ติดต่อขอซื้อลิโก ลิโก้ ไปวางไว้ที่ร้าน เพราะดูเข้ากับคาแรกเตอร์ของร้าน รวมถึงเชื่อในเรื่องโชคลาภด้วย หรืออย่างบางบริษัทขอซื้อไปเป็นสิบๆ กล่อง เพราะอยากเอาไปวางไว้ที่บริษัท อยากมีสิงโตตั้งไว้ในแต่ละชั้นตามคำซินแสบอก ผมว่าเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล โดยแต่ละธาตุก็จะมีคำอธิบายบอกรายละเอียดอยู่บนการ์ดอะลูมิเนียมซึ่งมีต้นทุนที่สูงมาก แต่เรามองว่ามันเป็นของสะสมที่สามารถเก็บพร้อมไปกับตัวอาร์ตทอยได้ เลยทำการ์ดเป็นอะลูมิเนียมเลยดีกว่า”
คุณอ๊อฟ เผยถึงอาร์ตทอยลำดับ 2 ให้ฟังนิดนึงว่า ตอนนี้ยังเป็นความลับที่ยังเปิดเผยไม่ได้ โดยตัวที่ 2 จะเป็นอาร์ตทอยขนาด 200% ที่ทำออกมาแค่ 500 ตัวเท่านั้น แต่จะเป็นอะไรอยากให้ลองติดตามกันต่อไป และแน่ นอนว่าต้องมีอาร์ตทอยลำดับที่ 3 ออกมาด้วย อาจจะเป็น Liko Liko เวอร์ชั่น 2 ที่ผลิตเป็นตุ๊กตาพวงกุญแจที่ตัวเป็นขนๆ ใบหน้าเป็นพีวีซีแบบลาบูบู้ หรือเป็นสินค้าอื่นๆ ก็ได้
“สิ่งที่ผมจะทำต่อก็คือ จะดึงศิลปินไทยท่านอื่นๆ เข้ามา แล้วให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เราจะทำให้เป็นซอฟต์เพาเวอร์ของไทย ผมว่าเป็นไอเดียที่ดีมากๆ เลย พอยิ่งทำมันยิ่งได้รับโอกาส โอกาสที่ผมได้เข้ามาทำธุรกิจตรงนี้ โดยมีสมาคม CEA (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์) พาเราไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น แถมยังมีการแนะ นำต่อยอด ทำให้เรายิ่งรู้จักผู้คนมากขึ้น รู้จักศิลปินท่านอื่นๆ เพิ่มขึ้น บางคนไม่ได้อยากทำแค่อาร์ตทอย บางคนอยากมีคาแรกเตอร์เป็นสินค้า เพราะเดี๋ยวนี้ป๊อปมาร์ทไม่ได้ขายแค่อาร์ตทอยนะ แต่นำคาแร็กเตอร์มาทำเป็นสินค้าด้วย
“ถ้ามองภาพอีกสัก 2 ปี ผมอยากมีแฟลกชิปสโตร์อาร์ตทอยที่เป็นของคนไทยโดยเฉพาะ แล้วในนั้นมีแต่ผลงานของศิลปินไทย ผมว่าคงน่าภูมิใจมากๆ เลยครับ ผมฝันไปถึงตรงนั้นเลยละ ยิ่งผมมีประสบการณ์การทำงานกับห้างสรรพสินค้ามาพอสมควร จึงพอทราบว่าถ้ามีแฟลกชิปสโตร์ มันคือการสร้างแบรนด์ และสร้างมาร์เกตติ้งที่ดีเลย ซึ่งถ้าถึงวันนั้นผมต้องมีทีมที่แข็งแกร่งแล้ว
“แต่ตอนนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปก่อน เริ่มจากกลุ่มเล็กๆ จากการรวมกันของศิลปินไทย แล้วทำสมาคมให้กว้างขึ้นในรูปแบบของออนไลน์ จากนั้นจึงค่อยไปลงออฟไลน์ แต่ผมเชื่อว่ารัฐบาลต้องให้การสนับสนุนแล้วช่วยกันผลักดันแน่นอน ผมต้องการมีแฟลกชิปสโตร์ในห้างภายใน 2-3 ปีนี้ เพราะถ้ามันติดแล้ว ผมคิดว่ามันสามารถไปต่อได้ยาวเลยครับ”