Saturday 18 May 2024 | 8 : 32 pm

SCOOZI PIZZA เปิดฉากลุยปีกระต่ายทอง เตรียมขายแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศกว่า 200 สาขา

Scoozi Pizza แบรนด์พิซซ่าที่มีชื่อเสียงและเอกลักษณ์เฉพาะ ได้รับรางวัลการันตี Authentic Italian neapolitan pizza พลิกโฉมครั้งใหญ่บุกตลาดพรีเมียมแมส เร่งเครื่องขยาย 5 สาขา เจาะลูกค้ากลุ่มครอบครัว คนทำงานและคนรุ่นใหม่ พร้อมสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด ผุดโมเดลแฟรนไชส์ทั้งในและต่างประเทศกว่า 200 สาขา อาทิ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย ใน 5 ปี กรุยทางสู่ “Leading Urban Pizza Brand” คาดเริ่มขายแฟรนไชส์ในไตรมาส 3 ปีนี้

มร.แกรี่ เมอร์เรย์ (Mr.Gary Murray) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง เดสติเนชั่น กรุ๊ป เปิดเผยว่า พิซซ่าถือเป็นเมนูยอดนิยมอันดับหนึ่งของโลก มีการบริโภคพิซซ่าจำนวนกว่า 5,000 ล้านชิ้นต่อวัน นับเพียงเฉพาะในประเทศไทย มีมูลค่าตลาดสูงถึง 1,500 ล้านบาทต่อปีและยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ปัจจุบันวัยรุ่นไทยส่วนใหญ่นิยมรับประทานพิซซ่ามากกว่าแต่ก่อน ทำให้แนวโน้มการเติบโตในอุตสาหกรรมอาหารคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 30% ในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2565-2571

Destination Eats เข้าซื้อ Scoozi Pizza ในปี 2563 โดยเป็นเจ้าของและผู้ประกอบการแบรนด์ดังหลายแห่งทั่วประเทศ ทั้ง Hard Rock Café, Hooters Restaurants และ Big Boy Burgers เป็นต้น พร้อมพลิกโฉม Scoozi  Pizzaใหม่ ตั้งแต่การปรับปรุงเมนู ตกแต่งร้าน และยกระดับคุณภาพพิซซ่า ปัจจุบันลูกค้าชาวไทยต่างมองหาพิซซ่าอิตาเลียนระดับพรีเมียมแบบดั้งเดิม ใช้วัตถุดิบสดใหม่และมีคุณภาพสูง ราคาขายพิซซ่าต่อชิ้นอยู่ระหว่าง 400-590 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้ายินดีจ่าย และวางตำแหน่งทางการตลาดไว้ในระดับบน เพื่อสามารถทำกำไรให้กับธุรกิจแฟรนไชส์มากขึ้น มร.แกรี่ เมอร์เรย์กล่าว

นางสาวอังคณา นิลกำเหนิด รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายธุรกิจแฟรนไชส์ Scoozi เปิดเผยว่า ปัจจุบัน เทรนด์การกินพิซซ่าเปลี่ยนไป  เนื่องจากผู้คนสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ทั่วโลก และมีโอกาสลิ้มลองรสชาติต้นตำรับ ทำให้ผู้บริโภคยุคใหม่เริ่มมองหาพิซซ่าที่ใช้วัตถุดิบจากประเทศต้นตำรับและขึ้นแป้งแบบสด ไม่ใช่พิซซ่าจากแป้งแช่แข็งมากขึ้น ซึ่งตรงกับ DNA ของ Scoozi Pizza ซึ่งให้บริการในรูปแบบ Lifestyle Casual Dinning เน้นคุณภาพของวัตถุดิบสดใหม่ การให้บริการที่ดี ซึ่งแตกต่างจากร้านพิซซ่า QSR(Quick Service Restaurant) ทั่วไปในตลาด

ในช่วงโควิดที่ผ่านมา Scoozi Pizza ได้ปรับตัวโดยสร้าง Ghost Kitchen เพื่อรองรับการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้ง Grab, Line Man, Food Panda, Robinhood และ Shopee รวมทั้งพัฒนาเมนูและจัดทำโปรโมชั่นต่างๆ ร่วมกันเพื่อดึงดูดลูกค้าและสามารถสร้างยอดขายได้ดี

สำหรับปี 2566 นี้ บริษัทมีแผนรุกตลาดพิซซ่าอย่างเข้มข้น เพื่อก้าวขึ้นเป็น “Leading Urban Pizza Brand” โดยปรับโฉม Scoozi Pizza เพื่อรุกตลาดพรีเมียมแมสมากขึ้น รวมทั้งขยายสาขาเพิ่ม 5 สาขา จากปัจจุบันมี 7 สาขา ประกอบด้วย ซอยสาธร10, เอมควอเทียร์ Helix ชั้น6, เซนทรัลแจ้งวัฒนะ ชั้น 5 เอกมัย ซอย19 มาเก็ตวิลเลจหัวหิน ชั้น2, เทอร์มินอล 21 พัทยา และสาขาล่าสุด ภูเก็ต นอกจากนี้ Scoozi ยังมี “Scoozi ghost kitchen” เพื่อรองรับการให้บริการเดลิเวรี่ อีก 4 สาขาคือ ลาดพร้าว,อารีย์, อ่อนนุชและอโศก โดยสามารถสั่งผ่านแอพเดลิเวอรี่ได้ ทั้ง Grab, Line Man, Food Panda, Robinhood, Shopee

โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของแบรนด์ยังคงกลุ่มครอบครัวที่ผู้ปกครองมีอายุ 35 ปีขึ้นไป รู้จักและหลงรักแบรนด์ Scoozi ในอดีต ไปจนถึงนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัย กลุ่มคนทำงาน และชาวต่างชาติในประเทศไทยทั้งนักท่องเที่ยวและอยู่ระยะยาว (Expat)

ทั้งนี้ Scoozi Pizza เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแรงและเป็นที่รู้จักอย่างดีในประเทศไทยมากว่า 27 ปี อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทมีแผนการทำตลาดอย่างเข้มข้นเพื่อรุกเข้ามาในตลาด Premium mass pizza ภายใต้ 3 กลยุทธ์ ประกอบด้วย 1.Digital Marketing 2.การสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าในการได้ลิ้มลองรสชาติพิซซ่าที่ไม่เคยได้จากที่อื่นและอร่อยเกินคาด (Experience Marketing) และ3. ชูนวัตกรรมการวิจัยและพัฒนา (R&D) สินค้าที่มีคุณภาพ (Innovative Product)

“พิซซ่าของเราผ่านการปรุงโดยพ่อครัวที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในเมืองไทยมากว่า 30 ปี เน้นความเป็นต้นตำรับ ปรุงใหม่สดทุกวัน ไม่ใช้แป้งแช่แข็งและใช้ส่วนผสมของแท้ต้นตำรับ โดยแป้งสั่งมาจากอิตาลี และ ซอสแบบดั้งเดิมจากเขต San Marzano เพื่อรังสรรค์พิซซ่าและพาสต้าอร่อยๆ ที่มีการดัดแปลงสูตรเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับรสนิยมคนไทย และใช้ Special Pizza Fired oven ในการอบพิซซ่าจะได้ความหอมของแป้งและชีสที่หอมอบอวลในปากกว่าการอบจากเตาทั่วไป และในส่วนของร้านออกแบบให้นั่งสบายๆ สามารถมาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนในบรรยากาศที่สนุกสนาน ทำให้ Scoozi มีศักยภาพในการแข่งขันสูงมาก”

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเพิ่มบิสสิเนสโมเดลใหม่ ขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์เพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเน้นทำเลศักยภาพ ในห้างสรรพสินค้า, คอมมูนิตี้มอลล์, Stand alone และ อาคารสำนักงาน เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด เบื้องต้นบริษัทตั้งเป้าโมเดลแฟรนไชส์ 200 สาขาใน 5 ปี  ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะเริ่มขายแฟรนไชส์ ในประเทศ ช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ ซึ่งมีงบประมาณการลงทุนราว 3-4 ล้านบาท ต่อสาขา ใช้ระยะเวลาคืนทุน 2-3 ปี

“บริษัทมีความพร้อมในการขยายแฟรนไชส์เป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการออกแบบและตกแต่งร้านจากทีมงานที่มีความชำนาญในการสร้างร้านอาหาร, ระบบการเทรนนิ่งที่สามารถทำให้พนักงานของแฟรนไชซ์มีความชำนาญและพร้อมในการเปิดร้าน, ระบบการขายหน้าร้าน หรือ Point of sale system (POS) ที่สามารถตรวจสอบและควบคุมได้ รวมทั้งมีที่ปรึกษาหลังการเปิดร้าน และทีมงานที่เข้าตรวจสอบควบคุมมาตรฐานของร้าน หากสนใจข้อมูลแฟรนไชส์เพิ่มเติมติดต่อ คุณอังคณา นิลกำเหนิดโทร 0955415055 Email. Angkana.n@destination-eats.co  website : www.destination-eats.com