เคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ไม้เมตรนั้นยาวเมื่อเทียบกับดินสอ แต่กลายเป็นสั้นเมื่อนำไปเทียบกับเสาไฟฟ้า โชคดีหรือเคราะห์ร้าย ล้วนขึ้นอยู่กับการเปรียบเทียบ” กันบ้างมั้ย แล้วมันเกี่ยวยังไงกับเรื่องโชค และเคราะห์?!
ลองไปอ่านเรื่องราวของ ‘จิตรา’ แล้วคุณจะรู้ว่าสุขหรือทุกข์นั้นขึ้นอยู่กับมุมมองของตัวเราเอง
จิตราเป็นผู้หญิงที่รักสุนัขมาก เธอเรียกหมาพูเดิลของเธอทั้ง 4 ตัวว่าลูก ทุกเช้าจิตราจะพาลูกทั้งสี่ของเธอออกไปเดินเล่นในสวน อาบน้ำให้สัปดาห์ละหลายครั้ง ถ้าไม่สบายก็อุ้มไปคลินิกด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะไปธุระไกลแค่ไหน ก็ต้องกลับมาค้างที่บ้านทุกคืน เพื่อดูแลลูกๆ และพาเข้านอน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลูกๆ ของธอก็จากไปทีละตัวจนไม่เหลือเลย เพื่อนๆ นึกว่าเธอจะต้องเศร้าโศกเสียใจและเหงาหงอย แต่ตรง กันข้าม เธอยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม
เธอบอกว่า หมดภาระเสียที เมื่อ 4-5 ปีก่อน มีคนมาขอเธอแต่ง งาน แต่เขาไม่ชอบหมาเอาซะเลย ตอนนี้ลูกๆ ก็ตายไปหมดแล้ว ทีนี้แหละเธอจะได้แต่งงานเสียที
จิตราไม่ได้ดีใจเลยที่ลูกทั้งสี่ตัวตายจากไป แต่เธอรู้ว่าการจมอยู่กับความเศร้าโศกไม่ใช่เรื่องดีแน่ แทนที่จะทุกข์จุกเจ่าอยู่กับความพลัดพราก สู้มองไปในแง่ดีจะไม่ดีกว่าหรือ
จิตราเป็นคนรู้จักเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี ไม่ว่าเจอเรื่องร้ายอะไรมา ก็สามารถมองเห็นประโยชน์จากมัน พูดอีกอย่างคือรู้จักหาโชคได้จากเคราะห์
เพราะทุกๆ เหตุการณ์ย่อมมีสองด้านเสมอ คือด้านบวกและด้านลบ เวลาเจอด้านลบก็ต้องรู้ว่าด้านบวกนั้นคืออะไร อยู่ตรงไหน
อันที่จริงบวกและลบ โชคกับเคราะห์นั้น เป็นเรื่องของการเปรียบ เทียบ ถ้าเทียบแล้วแย่กว่าก็เรียกว่า ‘เคราะห์’ แต่ถ้าดีกว่าก็จะเรียกว่า ‘โชค’
เทียบกับตอนที่มีลูกๆ อยู่กันพร้อมหน้า ตอนนี้ก็ต้องเรียกว่าจิตราเจอเคราะห์ เพราะฉะนั้นก็น่าจะทุกข์ แต่ถ้ามองว่าเมื่อก่อนต้องคอยวุ่นวายอยู่กับลูกๆ แต่ตอนนี้ไม่มีภาระต้องห่วงกังวลแล้ว แถมยังแต่งงานได้สะดวกกว่าแต่ก่อนด้วย ก็ต้องถือว่าจิตรามีโชคนั่นเอง