Monday 7 October 2024 | 3 : 04 am

ว้าว!! นาฬิกา Mido ของเอตอเร่ บูกัตติ (Ettore Bugatti) ได้รับการประมูลไปกว่า 10 ล้านบาท (272,800 ยูโร)

Mido Bugatti – Photographie de Face 2 – VWS

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทประมูล Stanislas Machoïr ได้นำนาฬิกา Mido เรือนส่วนตัวของเอตอเร่ บูกัตติ มาจัดประมูล จนได้ราคาสูงถึง 272,800 ยูโร หรือราว 10,261,625 บาท ภาพนาฬิการุ่นคลาสิกนี้พร้อมรถยนต์คลาสสิกอยู่ในเอกสารประกอบการประมูลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ณ เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนาฬิกา “Mido Bugatti” แสนพิเศษเรือนนี้สะท้อนภาพความเป็นเลิศด้านการผลิตนาฬิกาของ Mido ที่มีมาตั้งแต่หนึ่งร้อยปีก่อน และนี่ถือเป็นอีกครั้งที่แบรนด์ได้สร้างประวัติ ศาสตร์แห่งวงการประมูลขึ้นมา ด้วยนาฬิกาเรือนสำคัญที่ถือว่าเป็นมรดกแห่งโลกของนาฬิกาอย่างแท้จริง

เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวเรือนรูปกระจังหน้ารถ

ในช่วงปีค.ศ.1926–1932 เอตอเร่ บูกัตติ ได้สั่งผลิตนาฬิกาไขลานรุ่นพิเศษขึ้น 4 รุ่นกับ Mido เป็นทรง “กระจังหน้ารถ” โดยทำจากทองและเงิน รูปทรงของตัวเรือนเหล่านี้เหมือนกระจังหน้ารถแบรนด์ Bugatti ทุกกระเบียด ถือเป็นครั้งแรกของการผลิตนาฬิกา ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากส่วนประกอบของรถยนต์ และจัดเป็นลิขสิทธิ์ของ Mido โดยเฉพาะ จากนั้นบูกัตติ ผู้ก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในตำนานได้นำนาฬิการุ่นนี้ไปมอบให้คนในครอบครัว เพื่อน รวมถึงช่างและนักขับรถของแบรนด์ผู้คู่ควรกับความพิเศษนี้ โดยบูกัตติสั่งทำนาฬิกาจำนวนจำกัด มีไม่ถึง 100 เรือน ซึ่งในจำนวนนี้เอตอเร่ บูกัตติครอบครองเรือนสีทองสุดหรูไว้เอง

จากความสำเร็จของนาฬิการุ่น Bugatti นี้ ในปีค.ศ.1925-1926 Mido จึงได้รังสรรค์ตัวเรือนรูปทรงกระจังหน้ารถของแบรนด์รถยนต์ชั้นนำอีกหลายรุ่น อาทิ อัลฟ่าโรมิโอ (Alfa Romeo), บิวอิค (Buick), เชฟโรเล็ต (Chevrolet), ไครสเลอร์ (Chrysler) และโรลส์รอยซ์ (Rolls-Royce) โดยหน้าปัดของทั้งนาฬิกาข้อมือ นาฬิกาตั้งโต๊ะ และนาฬิกาพกเหล่านี้ เป็นที่รู้จักในนาม “Montres de l’Automobilste” หรือนาฬิกาของคนใช้รถยนต์ตัวจริง  ซึ่งรูปส่งของตัวเรือนล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระจังหน้ารถของแต่ละแบรนด์ อันมีสเน่ห์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป

ครองความเป็นเลิศมานานกว่าศตวรรษ

นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์เมื่อปีค.ศ.1918 Mido ก็สร้างประวัติศาสตร์แห่งวงการนาฬิกาขึ้นมาทันที Mido มีทั้งงานดีไซน์ที่อยู่เหนือกาลเวลา ใช้วัสดุคุณภาพสูงในทุกองค์ประกอบ และยังมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้นมาใช้อีกด้วย จนกระทั่งปลายทศวรรษ 1920 “Montres de l’Automobilste” ดังกล่าว ก็แสดงให้เห็นถึงผลงานที่หรูหรางามสง่า กลไกต่างๆ แข็งแรงคงทนใช้งานได้ในทุกโอกาสและทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง เมื่อถึงช่วงทศวรรษที่ 1930 Mido ก็สร้างชื่อเสียงในอีกมุมด้วยการทำนาฬิกากันน้ำ โดยใช้ระบบและกลไกที่คิดค้นขึ้นเอง นั่นก็คือการปิดซีลเม็ดมะยม ซึ่งภายหลังได้มีการตั้งชื่อกลไกนี้ขึ้นเมื่อปีค.ศ.1959 ว่า “Aquadura”

จากภาพลักษณ์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงนี้เอง ทำให้นักสะสมหมายปองและตามหานาฬิกาของยุคนั้น ทั้งคอลเล็กชั่น Mido Bugatti ที่หากมีการประมูลครั้งใด ก็สร้างมูลค่าได้ 5–6 หลักเสมอ รวมไปถึงรุ่น Ocean Star Decompression Timer จากยุค 1960 ด้วย

Mido Bugatti – Photographie sur la mascotte – © Vintage Watch Story – (vws.fr) / Cité de l’Automobile – Collection Schlumpf;
Mido Bugatti – Photographie levier de vitesse 2 – © Vintage Watch Story – (vws.fr) / Cité de l’Automobile – Collection Schlumpf

แรงบันดาลใจจากอดีต ผสานเทคโนโลยีที่ดีที่สุด

ปัจจุบัน Mido ยังคงรักษาจุดแข็งไปพร้อมๆ กับการคิดค้นและพัฒนานาฬิการุ่นวินเทจต่างๆ โดยยกระดับคุณภาพด้วยวัสดุและเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเสมอ และที่สำคัญ Mido เพิ่งเปิดตัวนาฬิกาใหม่อีกหลายเรือนที่มีสเน่ห์สไตล์วินเทจอยู่เต็มเปี่ยม อย่าง “Multifort Patrimony Chronograph” ที่หยิบยกหนึ่งในคอลเล็กชั่นที่เก่าแก่ที่สุดของแบรนด์เมื่อปีค.ศ.1937 มานำเสนอใหม่ นั่นก็คือรุ่น Multifort Multichrono รวมถึงคอลเล็กชั่น “Ocean Star Tribute” นาฬิกาสำหรับกิจกรรมโต้คลื่นในอดีต ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาดำน้ำยุค 60s และทำขึ้นเพื่ออุทิศแด่โลกแห่งท้องทะเล ซึ่งนี่คือการตอกย้ำด้วยว่า Mido เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบกันน้ำที่ริเริ่มมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1930

HyperFocal: 0

เกี่ยวกับ Mido

“จอร์จ แชเรน” (Georges Schaeren) ก่อตั้งแบรนด์ Mido ขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ.1918 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 และนับตั้งแต่วันสำคัญนั้นเป็นต้นมา Mido ก็ไม่เคยหยุดการก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นใจ โดยมีวิสัยทัศน์อันทรงพลังของผู้ก่อตั้งนำทาง เมื่อปีค.ศ.2018 Mido เฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 100 ปี ด้วยการสานต่อเส้นทางที่จอร์จ แชเรนสร้างไว้ รวมถึงเน้นย้ำคุณค่าใน DNA ของ Mido ที่มีมานานถึงหนึ่งศตวรรษเต็ม ไม่ว่าจะเป็นงานดีไซน์เหนือกาลเวลา วัสดุชั้นเลิศ และนวัตกรรมที่ดีที่สุด ปัจจุบัน สำนักงานใหญ่ของ Mido อยู่ที่เมืองเลอล็อก (Le Locle) ณ เทือกเขาจูรา ส่วน ชื่อแบรนด์ “Mido” นั้นมาจากคำว่า “Yo mido” ในภาษาสเปนที่แปลว่า “I Measure หรือฉันวัด”

นับตั้งแต่กำเนิดแบรนด์เป็นต้นมา ปรัชญาและปณิธานของ Mido ก็ยังคงผสมผสานนวัตกรรม ศิลปะความงาม และประโยชน์ใช้สอยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว คุณค่าเหล่านี้ปรากฎอยู่ในงานสถาปัตยกรรมเด่นๆ มากมาย ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้คอลเล็กชั่นต่างๆ ของ Mido ด้วย นอกจากนี้แบรนด์ยังมีอีก 3 ความเชี่ยวชาญหลักที่ทำให้ Mido โดดเด่นเหนือใคร นั่นคือเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด กลไกนาฬิกาแบบอัตโนมัติ และวัสดุคุณภาพสูง รวมไปถึงความพิถีพิถันกับงานดีไซน์เรียบหรูของนาฬิกา Mido ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ทุกผลงานของ Mido ยืนหนึ่งเรื่องคุณภาพเสมอมา ทั้งหมดทั้งมวลนี้เองที่ทำให้นาฬิกา Mido อยู่เหนือแฟชั่นและก้าวไกลกว่าทุกเทรนด์มาได้อย่างมั่นคง

จนถึงวันนี้ เป็นเวลาหนึ่งศตวรรษเต็มแล้วที่ Mido คือผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิสเซอร์แลนด์ที่ได้มาตรฐานระดับโลก จนปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายถึง 2,700 รายใน 70 ประเทศทั่วโลก และเป็นแบรนด์ในเครือบริษัท Swatch Group ผู้นำด้านธุรกิจนาฬิการายสำคัญของโลกด้วย www.midowatches.com