Friday 29 March 2024 | 5 : 04 am

แสนสิริ ชวนเซเลบสายกรีนร่วมแชร์ประสบการณ์ ความสุขที่ยั่งยืนของการปลูกและดูแลต้นไม้

ในยุครุ่งเรืองของดิจิทัลที่ผู้คนใช้เวลากับอุปกรณ์สื่อสารอยู่ภายในอาคารมากกว่าการออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้ง อีกทั้งยังถูกรบกวนจากข้อมูลข่าวสารที่มีมากขึ้น จนทำให้เกิดความเครียดและทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา ในขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่ก็มีความตื่นตัวในเรื่องการดูแลสุขภาพและใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น

แสนสิริจึงวางวิสัยทัศน์ For Greater Well-being เพื่อต่อยอด 2 แนวคิด Green & Well-being ชวนสังคมร่วมกันปลูกต้นไม้ในใจ ผ่านกิจกรรมเวิร์กช็อปจัดสวนถาด ‘สดชื่นแบบมินิ พื้นที่ไม่ใช่ข้อจำกัดของการปลูกต้นไม้’ ชี้ให้เห็นว่าถ้าเรามีต้นไม้ในใจไม่ว่าต้นไม้จะใหญ่หรือเล็ก พื้นที่จะกว้างหรืออยู่คอนโดมลภาวะร่างกายและจิตใจจะแก้ได้ด้วยต้นไม้ หวังช่วยกระตุ้นให้ทุกคนตระหนักในคุณค่าของธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับชีวิตของมนุษย์ เพราะหากปราศจากต้นไม้ ก็อาจจะเรียกได้ว่าปราศจากชีวิต 

จริยา จันทร์เจิดศักดิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เล่าว่า “เรื่องราวต้นไม้ของแสนสิริ ‘Sansiri Tree Story (แสนสิริ ทรี สตอรี่)’ เกิดขึ้นจากการเห็นคุณค่าความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม ที่ใส่ใจมองให้ลึกลงไปถึงคุณค่าของต้นไม้ที่มีต่อชุมชน จึงเกิดเป็นแนวทางการจัดการพื้นที่สีเขียวและต้นไม้ในโครงการที่อยู่อาศัยของแสนสิริ เพื่อสร้าง Joyful Moment ความสุขในการใช้ชีวิตที่คงคุณค่าให้อยู่กับเราตลอดไป ฉะนั้น  แนวทางการออกแบบภูมิสถาปัตย์ของแสนสิริ คือ ‘เราออกแบบคุณค่า’ เชื่อมโยงให้ต้นไม้อยู่กับคนและคนอยู่กับต้นไม้ ได้อย่างเห็นคุณค่า เก็บรักษา ส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืน เพื่อสังคมอนาคต”

เพราะแสนสิริเข้าใจถึงคุณค่าของธรรมชาติ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในการใช้ชีวิต เราจึงตั้งใจเก็บรักษา และดูแลต้นไม้ทุกๆต้นในโครงการ มาตลอดระยะเวลากว่า 35 ปี ให้เติบโตควบคู่ไปกับการใช้ชีวิตของลูกบ้าน เพื่อให้ได้สัมผัสกับความสวยงามและคุณค่าของต้นไม้ ธรรมชาติรอบๆตัวที่มีอยู่ในโครงการ พร้อมส่งคุณค่านี้ให้ชุมชนและสังคมต่อไป

โดยหลักคิดในการวางพื้นที่สีเขียวในแต่ละโครงการของแสนสิริ ก็คือ “จะปลูกต้นไม้ให้ยั่งยืนเริ่มที่การปลูกต้นไม้ในใจ เราเห็นคุณค่าของต้นไม้ที่มากกว่าลักษณะทางกายภาพ เราเห็นความผูกพัน โดยเฉพาะในต้นไม้เก่า เราจะเห็นอดีต เห็นประวัติศาสตร์ เป็นที่เก็บความทรงจำของธรรมชาติ เปรียบเหมือนญาติผู้ใหญ่ที่ยืนหยัดมาจนถึงรุ่นเรา เขาสอนเราได้หลายเรื่อง ยิ่งถ้าเป็นในเรื่องกระบวนการเก็บต้นไม้เก่า ต้นไม้สอนเราเรื่องความละเอียดอ่อน ความมุ่งมั่น ความอดทน เอาชนะต่ออุปสรรคต่างๆ”

ด้าน อั๋น- ภูวนาท คุนผลิน ที่ควงจ๋า อลิสา และน้องพอล มาช่วยกันจัดสวนถาดไม้บำบัด กล่าวว่า “อั๋นเห็นคุณค่าของต้นไม้ในมุมของความเป็นมิตรเอื้ออาทรที่มีให้กับทุกคนในชุมชน ทุกๆสิ่งมีชีวิตที่ได้มาอาศัยจนเกิดเป็นระบบนิเวศเฉพาะ นอกเหนือจากแผ่กิ่งก้านสาขา ให้ความร่มเย็น สบายใจสบายตา เป็นความอบอุ่น ที่เมื่อไรมาหามายืนดู มาแวะทักเขาก็พร้อมต้อนรับเราเสมอ จนบ่อยครั้งเราก็เผลอคุยกับต้นไม้ ต้นไม้มีความอัศจรรย์ เขาช่วยบำบัดเราได้ เมื่อเราไปอยู่ในพื้นที่สีเขียว ที่เต็มไปด้วยต้นไม้ เราจะรู้สึกคุ้นเคย รู้สึกสบายใจ ผ่อนคลาย มีความสุขมากขึ้น ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์”

“ยิ่งการที่อั๋นอยู่รวมกับบ้านของครอบครัวที่มีอายุ 40 กว่าปี การนั่งมองต้นไม้ในบ้านเราจะเห็นความ  ทรงจำที่ดี เป็นความสุขที่ได้ระลึกถึงเรื่องราวต่างๆกับต้นไม้ในบ้าน ที่หลายๆ ต้นก็โตมาพร้อมกัน อั๋นมองว่าการใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมไปด้วยต้นไม้มีความสัมพันธ์กับการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น และยังช่วยพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้ธรรมชาติ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ได้รับจากประสบการณ์ตรง เช่น เมื่อเราสอนให้ลูกปลูกต้นไม้ เราจะได้สอนเรื่องความรับผิดชอบ ดูแลเอาใจใส่ รดน้ำ พรวนดิน ลูกจะเรียนรู้เรื่องการสังเกตการณ์เติบโตของต้นไม้ ได้ฝึกความอดทน ความเพียรพยายาม ในการทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย เมื่อถึงวันที่เขาต้องออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ต้องเจอสิ่งใหม่ๆที่ท้าทาย เขาจะมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการรับมือกับปัญหาหรือความไม่สมหวังต่างๆ”

ในมุมมองของเป๋า-วฤธ หงสนันทน์ กับการที่เกิดมาในบ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ ทำให้มองเห็นธรรมชาติในการใช้ชีวิต คือความมั่นคงบนความสมดุลเพราะกว่าต้นไม้ใหญ่จะเติบโตจนสูงให้ร่มเงาเขาได้ผ่านบททดสอบ ผ่านร้อนผ่านหนาว ต้นไม้ที่จะโตอย่างยั่งยืนได้ ต้องมีระบบรากที่มั่นคงก่อนเสมอ ก่อนที่จะค่อยๆ เติบโตแตกกิ่งก้านสาขาอย่างสมดุล  ถ้าต้นไม้โตเกินกว่าลำต้นหรือฐานรากจะรับไหว ก็จะโค่นล้มได้ง่าย เปรียบเหมือนคนที่เร่งโตเกินไป ถ้ามองในปรัชญาการทำงาน ทำธุรกิจเราก็ต้องสร้างรากฐานสะสมประสบการณ์ ให้แข็งแรงก่อนจะขยายธุรกิจ ไม่เช่นนั้นถ้าเราเร่งโตขยายจนเกินขีดความสามารถของเราก็จะเป็นภาระ ดังนั้นเราก็ต้องตัดกิ่งอ่อนแอออก สางใบให้โปร่งมีแสงผ่านได้ และจัดการส่วนที่เป็นปัญหาและอาจเป็นปัญหาทิ้งไปเรา จึงจะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ยั่งยืนมีคุณค่าต่อครอบครัวและสังคม”

“จากบ้านใหญ่ย้ายมาอยู่คอนโด เป๋าก็ยังเลือกที่จะอยู่กับโครงการที่ให้ความสำคัญกับต้นไม้อาจจะเป็นต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ส่วนกลาง สวนแนวตั้งหรือต้นไม้ที่ระเบียงในห้อง เพราะรู้สึกถึงความเป็นเพื่อนที่ต้นไม้มีให้ เคยไหมที่เรามีเรื่องทุกข์เรื่องสุขในใจ บางทีเราไปนั่งในสวน ไปนั่งใต้ร่มไม้ ปรับทุกข์ เล่าเรื่องราวความสุข หรือบางทีก็นั่งเงียบๆ นึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ต้นไม้ก็พร้อมที่จะรับฟังเราเสมอ ซึ่งดีมากเลย ที่แสนสิริออกแบบโครงการให้ทุกโครงการไม่ว่าจะบ้านเดี่ยวหรือคอนโดได้ใกล้ชิดธรรมชาติได้”