ในปี 68 “เทรนด์อาหารญี่ปุ่นในไทย” จากความนิยมและพฤติกรรมการบริโภคอาหารญี่ปุ่นของคนไทย ‘อินไซต์จานโปรด! เมนูไหนที่คนไทยชอบโพสต์’ ปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ยังคงมาแรงและได้รับความนิยมที่ติดอยู่ในท็อป 5 จากผลสำรวจของ บริษัท ดาต้าเซ็ตจำกัด1 ที่รวบรวมข้อมูลจากโซเชียลมีเดียผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังความคิดเห็นของผู้บริโภคในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ระหว่างวันที่ 22เมษายน – 21 พฤษภาคม 2568

ล่าสุดสามผู้บริหาร คุณเบ๊นซ์-ปณิธาน, คุณโบ๊ท-ปณิธิ และ คุณเพลน-ปวิตรา กอบกุลสุวรรณ ตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้ริเริ่มเทรนด์ แบบไม่ตามใคร(First mover) ได้ฤกษ์เปิดร้านใหม่ KAYAKI ภายใต้คอนเซ็ปต์ YAKIZAKANA (YAKI-ย่าง, ZAKANA-ปลา) กับร้านปิ้งย่างเนื้อปลาและซีฟู้ดสไตล์ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ยังไม่เคยมีในไทยมาก่อน ถือว่าเป็นเจ้าแรกในไทย!! ที่ตอบโจทย์สายปิ้งย่างของคนรักสุขภาพ โดยนำวัตถุดิบเกรดซาซิมิระดับพรีเมียมส่งตรงจากญี่ปุ่น นำมาย่างด้วยเทคนิคเฉพาะของทางร้าน เสิร์ฟคู่กับข้าวญี่ปุ่นสูตรพิเศษของทางร้าน และน้ำจิ้มสูตรเฉพาะที่จัดมาทานคู่กันแต่ละประเภทของปลาซึ่งจะเพิ่มความอร่อยแบบเต็มคำ

จากการที่สามพี่น้องนักบริหารมักจะชอบสรรหาความอร่อยแวะไปชิมร้านเด็ดประจำท้องถิ่นอยู่บ่อยๆ ในระหว่างไปพักผ่อนที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งสามท่านไม่หยุดนิ่งที่จะมองหาแรงบันดาลใจเพิ่มเติม เพื่อกลับมาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ ให้คนไทยได้สัมผัสประสบการณ์ในการรับประทานอาหารที่หลากหลายมากขึ้น

โดย คุณโบ๊ท-ปณิธิ กอบกุลสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท ไทยสากล เอสเตท จำกัดเล่าถึงที่มาของร้าน KAYAKI ว่า ย้อนกลับไปเมื่อมิถุนายนปีที่แล้วทางเราได้ไปเจอร้านนึงที่ประเทศญี่ปุ่น กินแล้วติดใจมากด้วยคอนเซ็ปต์และสไตล์ที่แปลกใหม่ รวมถึงรสชาติที่ชวนให้คิดถึงตอนเดินกลับโรงแรมแบบหยุดคิดไม่ได้ ร้านที่ว่านั่นเป็นร้านแนวปลาย่างที่ตัดเป็นชิ้น ๆพอดีคำ ไม่ใช่การย่างทั้งตัวหรือชิ้นใหญ่ตามที่เห็นในท้องตลาด ซึ่งจะมีชิ้นปลาหลายชนิดแต่ละส่วนของปลาแตกต่างกัน ถ้าให้นึกภาพให้เข้าใจง่ายขึ้นคือเป็นร้านที่มีคอนเซ็ปคล้ายกับ YAKINIKU (ร้านเนื้อย่าง) คือการเอาชิ้นเนื้อส่วนต่าง ๆ ของวัวมาย่าง ซึ่งจะย่างออกมาแนว medium rare กึ่งสุกกึ่งดิบซะส่วนใหญ่ ทางเราเห็นว่าร้านแนวนี้ยังไม่เคยเห็นที่ประเทศไทย และเรามองว่าเนื้อปลาเป็นอาหารที่ย่อยง่าย และดีต่อสุขภาพ เหมาะกับคนที่ชอบอาหารเฮลท์ตี้ ถึงแม้ว่าปลาที่นำมาย่างนั้นจะมีแบบติดมันบ้าง แต่ก็เป็นไขมันดีที่เหมาะสมต่อร่างกาย น่าจะตอบโจทย์สายรักสุขภาพ แต่อยากทานปิ้งย่างแล้วไม่รู้สึกผิดกับร่างกาย นอกจากนี้ยังเพิ่มซีฟู้ดต่าง ๆ เข้ามาเสริมเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการรับประทานที่หลากหลายยิ่งขึ้น เรียกได้ว่า KAYAKI ภายใต้คอนเซ็ปต์ YAKIZAKANA ถือเป็นเจ้าแรกในประเทศไทยก็ว่าได้”

KAYAKI เป็นร้านอาหารประเภทปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น ที่นำเนื้อปลาเกรดซาซิมิระดับพรีเมียมสามารถทานดิบได้ โดยมีเนื้อปลาหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น

• ปลาเนื้อแดง เทียบเท่ากับเนื้อวัว ซึ่งมีระดับไขมันของเนื้อปลาที่แตกต่างกัน อาทิ Maguro-มากูโระ (ปลาทูน่า) โดยนำ 3 ส่วนสำคัญของปลาเนื้อแดงที่นิยมนำมาทำ YAKIZAKANA คือ
1. Otoro (โอโทโร่): ปลาเนื้อที่มีมันแทรกระดับสูงสุด จะอยู่บริเวณท้องด้านล่างของปลาละลายในปากมีรสชาติเข้มข้น หวานมัน ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลต์ ในเมนูโอมากาเสะหรือซูชิพรีเมียม ซึ่งเทียบเท่ากับเนื้อ A5
2. Chutoro (ชูโทโร่): ปลาเนื้อที่มีไขมันระดับปานกลางพอดีทาน จะอยู่บริเวณหน้าท้องตอนบน มีไขมันแทรกเล็กน้อย เนื้อนุ่มละลายในปาก แต่ยังคงเท็กซ์เจอร์ของเนื้อปลาที่ยังมีความแน่น ๆ มากกว่าโอโทโร่ ซึ่งเป็นส่วนที่คนนิยมทานมากที่สุด ซึ่งเทียบกับเนื้อ A4 – A3
3. Akami (อากามิ): ปลาเนื้อแดงไม่ติดมัน จะลีนที่สุดของตัวปลา อยู่บริเวณกลางลำตัว เป็นส่วนของกล้ามเนื้อของปลาที่ใช้ว่ายน้ำ มีไขมันน้อย เนื้อสัมผัสมีความแน่น นุ่ม เทียบเท่ากับเนื้อสันใน

• ปลาเนื้อขาว เปรียบเสมือนเนื้อไก่ มีความนุ่มของเนื้อปลาเมื่อกัดเข้าไปแต่ละคำยังคงได้เท็กซ์เจอร์ของ
เนื้อปลาอยู่ โดยการแล่เนื้อปลาแบบฟินเลต์ซึ่งจะแตกต่างจากการแล่เพื่อทานเป็นซาซิมิหรือเทปปัน โดยจะหั่นเป็นแนวเฉียง 30–40 องศา ต้องใช้มีดที่คมหั่นเพียงครั้งเดียวให้ติดหนัง เพื่อเวลาย่างไฟหนังปลาจะช่วยจะทำให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น รวมถึงจะทำให้ปลาสุกไว เนื้อปลาไม่แตกเวลาย่าง ปลาขาวที่นิยมนำมาย่าง อาทิ Madai-มาได (ปลากะพงแดงญี่ปุ่น), Kinmedai-คินเมได (ปลากะพงแดงตาโต), Hamachi-ฮามาจิ (ปลาหางเหลือง)

• อาหารทะเล ที่จะช่วยเบรกระหว่างรับประทานเนื้อปลา และยังเป็นเมนูเสริมสำหรับคนที่รักซีฟู้ดอีกด้วย
อาทิ Aka ebi-อะกาเอบิ (กุ้งแดงญี่ปุ่น), Hotate-โฮตาเตะ (หอยเชลล์) และ ปลาหมึก

คุณเพลน-ปวิตรา กล่าวเสริมว่า “ความพิเศษในการทานเนื้อปลาแบบไม่ปรุง จะได้รสชาติความหวานจากเนื้อปลารวมถึงเท็กเจอร์ของเนื้อปลา แต่ปลาบางชนิดจะต้องนำมาดรายเอจ (Dry-aged) ก่อน ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของปลา เพื่อดึงรสชาติของเนื้อปลาออกมาซึ่งการดรายเอจเป็นเทคนิคของคนญี่ปุ่นที่มีมานานตั้งแต่สมัยเอโดะ (ปี 1603–1868) โดยเฉพาะปลาเนื้อขาว ซึ่งจะทำให้เนื้อปลาไม่มีกลิ่นคาว

อย่างที่ทราบกันดีว่าคนญี่ปุ่นจะมีวัฒนธรรมและพิธีการในการรับประทานอาหารในแบบฉบับของคนญี่ปุ่น เราจึงมีการเทรนด์พนักงานให้มาย่างเนื้อปลาโดยเฉพาะ พร้อมเสิร์ฟให้ทานทีละคำ เนื่องจากปลาแต่ละชนิดจะรับประทานด้วยความสุกที่แตกต่างกันไป รวมถึงต้องคุมอุณหภูมิและเวลาให้เหมาะพอดีทานคู่กับข้าวญี่ปุ่นปรุงพิเศษจากทางร้าน เสิร์ฟมาพร้อมกับเครื่องปรุงและน้ำซอสเอาไว้จิ้มทานคู่กัน ปลาทุกชิ้นจะเสิร์ฟมาแบบมีเดียมแรร์คือ เนื้อสัมผัสภายนอกจะมีความสุกนิดๆ หอมกลิ่นสโมคเบาๆ บนผิวของเนื้อปลา แต่ยังได้ความปลาดิบข้างในซึ่งคงรสชาติความหวานของเนื้อปลาอยู่เป็นเนื้อสัมผัสที่แปลกใหม่ เมื่อได้ที่แล้วจะวางไว้บนข้าวญี่ปุ่น เพื่อให้น้ำมันจากเนื้อปลาแทรกซึเข้าไปยังเม็ดข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มความหอมก่อนจะทานคู่กับเครื่องเคียง อาทิ เกลือมะนาว, วาซาบิ, ซอสสูตรพิเศษต่างๆ ของทาง KAYAKIเพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น โดยพนักงานจะคอยแนะนำว่าปลาชนิดไหนทานคู่กับอะไร ที่จะช่วยชูความอร่อยให้กับคำนั้น ๆ เรียกว่านี่เป็นการสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภคที่เข้ามารับประทานในร้านของเรา” คุณปวิตรา กล่าวทิ้งท้าย
โดยสามารถสั่งเป็นเซ็ตที่มาหลากหลายเมนูในจานเดียว ซึ่งมีทั้งหมด 3 เซ็ต ได้แก่
1. เซ็ต SEIKAI 6 ชิ้น ได้แก่ Chutoro, Hamachi, Salmon, Aka ebi, Ika, Madai ราคา 890 บาท
2. เซ็ต KAIYO 7 ชิ้น ได้แก่ Chutoro, Hotate, Akami, Aka ebi, Salmon, Ika, Madai ราคา 1,290บาท
3. เซ็ต KAYAKI 8 ชิ้น ได้แก่ Chutoro, Hotate, Akami, Aka ebi, Kinmedai, Ika, Madai, Otoro Suki ราคา1,790 บาท
Set KAIYO และ KAYAKI สามารถอัปเกรด จาก Akami เป็น Toro Bomb (ข้าวหน้า Chutoro, Uni, Ikura)
ในราคา 690 บาท โดยทุกเซ็ตจะมาพร้อม สลัด ข้าว ซุป และของหวาน

นอกจากนี้ยังสามารถสั่งเป็นแบบอลาคาสเพิ่มความอร่อยได้อีกด้วย ภายใต้บรรยากาศอันอบอุ่น ที่ตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่นผสมผสานคอนเทมโพรารีและโมเดิร์นอย่างลงตัว โอบล้อมด้วยสวนญี่ปุ่นกลางสุขุมวิท 49 ที่เรียบหรู โปร่งโล่ง สบายตา เหมือนรับประทานมื้อพิเศษนี้ในร้านอาหารญี่ปุ่นแท้ๆ

โดยสามารถสัมผัสประสบการณ์ คอนเซ็ปต์ YAKIZAKANA ปิ้งย่างเนื้อปลาและซีฟู้ดสุดพรีเมียมนี้ได้ โดยวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2568 จะเปิดให้บริการเป็น วันแรก!!โดยเปิดเป็น 2 รอบ คือ รอบเที่ยง 11:00-14:30 น. และ รอบเย็น 17:00 – 22:00 น.ที่ร้าน KAYAKI โครงการ YARD 49 ซอยสุขุมวิท 49ที่เดียวกับ Kay’s, KANORI, Day by Kay’s สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ Facebook: Kayaki, IG: Kayaki.Thailand
#KAYAKI
แหล่งอ้างอิง: https://www.dataxet.co/insights/japanese-food-insight-thailand