Tuesday 30 April 2024 | 8 : 04 am

ดินเนอร์ในค่ำคืนสุดพิเศษ Pietraserena Tuscany Wine Dinner @Ventizi Centara Grand Central World

มีโอกาสได้ไปดินเนอร์ในค่ำคืนสุดพิเศษในงาน Pietraserena Tuscany Wine Dinner ซึ่งคาเฟ่ บวนจอร์โน่ (Cafe’ Buongiorno) ได้รังสรรค์ให้เกิดขึ้น เมื่อค่ำคืนวันที่ 20 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา ณ ห้องอาหารสุดหรู Ventizi ชั้น 24 โรงแรม Centara Grand Central World Bangkok บอกเลยว่าครั้งนี้ประทับใจมาก

หลังจาก Cafe’ Buongiorno ได้เชิญ Life Diary มาลิ้มลอง Boutique Wine ชั้นเลิศจากแคว้นต่างๆ ของอิตาลีแล้วหลายครั้ง คืนนี้ก็ถือว่าครั้งที่พิเศษสุดอีกเช่นกัน เพราะเหมือนได้ไปเยือนแคว้นทัสคานี (Tuscany) หรือ ทอสคานา (Toscana) ซึ่งเป็นดั่งสวรรค์ของการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงของโลกมาช้านาน บวกกับอาหารอิตาเลียนแท้ๆ จาก Chef Andrea Montella แห่งห้องอาหาร Ventizi ก็ยิ่งช่วยให้ความสุขยิ่งทวีคูณ

Mr.Robert F. Maurer-LoefflerGeneral Manager and Corporate Director of Operations โรงแรม Centara Grand Central World Bangkok

เมนูของค่ำคืนนี้แพริ่งกับ White & Red Wine ได้ยอดเยี่ยม เริ่มตั้งแต่ Otello Prosecco ที่สดชื่นกำลังดี ตามด้วยไวน์ขาว Vigna del Sole ซึ่งใช้องุ่นพันธุ์หายาก Vernaccia จากนั้นเป็นไวน์แดงรสเปรี้ยวนำอย่าง Poggio Al Vento ใช้องุ่นยอดฮิต Sangiovese ปิดท้ายด้วยพระเอกของงานที่ดูจะเข้มข้นสุด นั่นคือ Caulio ไวน์แดงผสมองุ่น 3 สายพันธุ์ ทั้ง Sangiovese, Malvasia Nera และ Syrah ที่ช่วยให้อาหารอร่อยขึ้นเป็นเท่าตัว

ก่อนอื่นเรียกน้ำย่อยด้วย “ขนมปังฟอคคาเซีย” (Focaccia) เนื้อนุ่ม กลิ่นหอมแป้งสาลีผสมน้ำมันมะกอก เป็นขนมปังคู่บ้านชาวอิตาเลียน มีเครื่องเคียงเป็นซอสถั่ว และมะเขือเทศคลุกน้ำมันมะกอก กินคู่กับ Sparkling Wine ชั้นเลิศจากทางภาคเหนือของอิตาลี Otello Prosecco DOC ของ Arrigoni Vineyard ซึ่งผลิตจากเขตโปรเซคโก้ ที่ปลูกอยู่ในแคว้นเวเนโต (Veneto) โดย Prosecco เป็นชื่อหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในแคว้นนี้ และนิยมใช้องุ่นพันธุ์ เกลียร่า (Glera) ในการทำไวน์

เริ่มต้นด้วย Sparkling Wine Otello Prosecco จากเมืองเทรวิโซ่ (Treviso) ตัวนี้มีความ Balance ของรสชาติเป็นอย่างยิ่ง มักเสิร์ฟเย็นๆ ที่ 8-10 องศาเซลเซียส เนื้อไวน์ละมุนสีเหลืองฟางอ่อน แอลกอฮอล์ต่ำ 11% ดื่มง่าย มีความ Extra Dry (หวานกลางๆ) เด่นด้วยกลิ่นดอกไม้ป่า อัลมอนด์ และแอปเปิลเขียว เหมาะกินคู่กับ Starters อย่าง กุ้ง หอย ปู และปลา

ไวน์ทั้งหมดที่เสิร์ฟในคืนนี้มาจาก Arrigoni Wine Producer ที่มีชื่อเสียง และเก่าแก่กว่า 110 ปี ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1913 ผลิตไวน์ต่อเนื่องกันมา 4 ชั่วอายุคน โดยเริ่มในแคว้นลิกูเรีย (Liguria) และทัสคานี (Tuscany) ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกองุ่นในแคว้นเวเนโต (Veneto) ด้วย ภูมิประเทศเป็นภูเขา เนินเขา สลับทุ่งหญ้า กลางวันแดดเจิดจ้า กลางคืนหนาว ช่วงเช้ามีหมอก จึงเหมาะกับการปลูกองุ่นอย่างยิ่ง

ไวน์ขาวและไวน์แดงที่ได้ลิ้มลองในคืนนี้ เป็นไวน์มาตรฐานสูง DOC และ DOCG ผลิตขึ้นจากไร่ Pietraserena Vinyard ของตระกูล Arrigoni ไร่ตั้งอยู่ใจกลาง เมืองซาน จิมิกนาโน่ (San Gimignano) จังหวัดเซียน่า (Siena) แคว้นทัสคานี เป็นเมืองโบราณสมัยยุคกลาง เป็นมรดกโลกของ UNESCO ด้วย ยังมีหอคอยหินสูงเด่น และบ้านสไตล์โบราณ ล้อมรอบด้วยเนินเขาที่มีไร่ไวน์ทอดไกลออกไป โดยเฉพาะองุ่นพันธุ์ Vernaccia ซึ่งถือเป็นพันธุ์เฉพาะถิ่นหายากของที่นี่

เมนูเรียกน้ำย่อยในวันนี้มีหลากหลาย ทั้งซุปมะเขือเทศช็อต, หอยแมลงภู่ดำอิตาเลียนอบชีส สไตล์ Viareggio, Tuscan Salami เกรดพรีเมียม, ขนมปังถั่วลูกไก่ ท็อปปิ้งด้วยซาลามี่หมู Colonnata, ขนมปัง Classic Brucetta เนื้อหนานุ่ม โรยหน้าด้วยมะเขือเทศซอยละเอียด คลุกเคล้าน้ำมันมะกอก กระเทียม และโหระพาอิตาเลียน

ว่ากันว่า Tuscan Salami ที่เสิร์ฟในคืนนี้ เป็นหนึ่งในซาลามี่ที่ดีที่สุดในอิตาลี ลองชิมแล้วเนื้อมีความนุ่มละมุน กลิ่นหอมขึ้นจมูก รสไม่เค็มจัด กินคู่กับไวน์ขาว Vigna del Sole เข้ากันมากๆ

ซุปมะเขือเทศในแก้วช็อต เสิร์ฟมาพร้อม หอยแมลงภู่ดำอิตาเลียนอบชีส สไตล์วิอาเร็กจิโอ้ (Viareggio) เมืองชายทะเลของแคว้นทัสคานี จิบ Vigna del Sole ตามเข้าไป เสริมรสชาติกันยอดเยี่ยม

ไวน์ขาวอันโด่งดัง Vigna del Sole มาตรฐานสูงสุดระดับ DOCG ปี 2022 จากไร่ Pietraserena เมือง San Gimignano ผลิตจากองุ่นพันธุ์หายาก “เวอร์แน็กเชีย” (Vernaccia) ซึ่งมีปลูกเฉพาะในแคว้นทัสคานีเท่านั้น เคยโด่งดังมากในช่วงศตวรรษที่ 13-14 เพราะเสิร์ฟขึ้นโต๊ะพระกระยาหารของกษัตริย์เท่านั้น

Vigna del Sole เคยได้รับรางวัลจากการประกวดมากถึง 11 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.1994-2017 ถือเป็นบูทีคไวน์ระดับเหรียญทองที่มีคาแร็กเตอร์เฉพาะตัวมาก น้ำไวน์สีฟางเข้ม ให้กลิ่นขนมปัง วานิลลา และอัลมอนด์ ทิ้งความหอมหวานอมเปรี้ยวเพียงเล็กน้อยไว้ในปาก ถือว่ามีความผสมผสานลงตัว เหมาะดื่มกับ Starter จำพวกซีฟู้ดต่างๆ

คอร์สที่สองพิเศษมาก “Ricotta Cheese Dumpling” ปั้นเป็นก้อนกลม กินคู่กับซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิลฤดูร้อน น้ำซอสนุ่มนวล รสเค็มเพียงเล็กน้อย ความข้นมันกำลังดี ส่วนเนื้อรีคอตต้าชีสก็นุ่มละมุน ละลายในปากแบบไม่ต้องเคี้ยวเลย กินคู่กับไวน์แดง Poggio Al Vento ที่มีความเปรี้ยวนำ เสริมรสชาติกันได้สุดยอด

Poggio Al Vento เป็นไวน์แดงชั้นเลิศระดับ DOCG ปี 2020 ผลิตจากองุ่นพันธุ์ ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) ซึ่งเป็นองุ่นที่ปลูกมากที่สุดในแคว้นทัสคานีและอิตาลี ลักษณะเด่นคือมีความเปรี้ยวนำ (High Acidity) จึงสามารถคงรสชาติ และกลบความมันของพาสต้า ชีส หรือซอสมะเขือเทศ ในอาหารอิตาเลียนได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ Poggio Al Vento ยังเป็นไวน์แดงจำพวก “เคียนติ” (Chianti Wine) ซึ่งผลิตในพื้นที่พิเศษเรียกว่า “เคียนติ” ในแคว้นทอสคานา (อยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองฟลอเรนส์และเซียน่า) โดยแบ่งออกเป็น 7 sub-zone ใช้องุ่นพันธุ์ซานโจเวเซ่ผลิตไวน์แดงเป็นหลัก แบ่งระดับมาตรฐานตามระยะเวลาการบ่มหมัก (Aging Classification) คือ 2.5 ปี, 2 ปี, 1 ปี, 9 เดือน และ 6 เดือน ตามลำดับ ไวน์ที่ได้จึงมีราคาสูงต่ำและคุณภาพต่างกัน ไล่ตั้งแต่เลิศสุด Grand Seleczione, Riserva, Classico, Superior และ Chianti ธรรมดา

Ricotta Cheese Dumpling แท้จริงก็คือ “เวย์ชีส” (Whey Cheese) ซึ่งก็คือน้ำที่เหลือจากการผลิตชีส เรียกว่า “Whey” เป็นตัวเดียวกับเวย์โปรตีนที่เอาไปสกัดเป็นผงชงให้นักกีฬาหรือคนป่วยกิน คำว่า “Ricotta” แปลว่า “Recooked” โดยครั้งแรกเอาชีสไปต้มให้เหลือ Whey แล้วเอา Whey ไปต้มอีกครั้ง จนได้ตะกอนนิ่ม กลายเป็น Fresh Cheese จำพวกเเดียวกับ Mozzarealla Cheese แต่เก็บได้นานกว่า เพราะมีการเติมเกลือ และส่วนใหญ่ก็เป็นโปรตีน ไม่มีครีม

มาถึง Main Course ที่กินกับไวน์แดงได้อร่อยสุดๆ นั่นคือ “สตูแก้มเนื้อวัววากิว” ที่ตุ๋นนานถึง 24 ชั่วโมง แบบ Slow Cook ราดซอสพริกไทยดำผสมไวน์แดงเคียนติ

ไวน์แดงที่ใช้แพริ่งกับเมนูนี้คือ Caulio, Chianti DOCG ปี 2018 อันโด่งดัง เคยได้รับรางวัลจากการประกวดไม่ต่ำกว่า 9 ครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.1993-2017 Blend จากองุ่น 3 สายพันธุ์ ทั้ง Sangiovese, Malvasia Nera และ Syrah ในสัดส่วนเหมาะเจาะลงตัว น้ำไวน์จึงมีสีทับทิมเข้มข้น ตัวบอดี้หนักแน่น แต่มีความ Balance เป็นเลิศ รสชาติไม่ Fruity แอลกอฮอล์ 14% นุ่มลึกดี จิบแล้วทิ้งกลิ่นวานิลลาและผลไม้ป่าไว้ในปาก กินคู่กับสตูแก้มวัววากิวเนื้อนุ่ม ไวน์ยังทิ้งรสเปรี้ยวนิดๆ ไว้ที่โคนลิ้นด้วย

ปิดท้ายค่ำคืนแห่งความสุข กับเมนูของหวานโบราณจากเมืองฟลอเรสซ์ ซึ่งยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือ “Zuccotto Fiorentino” เป็นเค้กเนื้อฟองน้ำรูปโดม ไส้ตรงกลางเป็นครีม ชีส Tiramisu หรือไอศกรีมรสชาติต่างๆ และ Ricotta ครีมช็อกโกแลต กินพร้อมผลไม้รสหวาน ว่ากันว่ารูปร่างโดมของเค้กนี้มาจากยอดโดม Florence Cathedral มหาวิหารหลักของเมืองฟลอเรนซ์ เค้กนี้กินคู่กับ Pompelmocello หรือน้ำองุ่นเปรี้ยวอมหวาน รสชาติคล้าย Limoncello ช่วยล้างความคาวออกจากปากได้ดีเลยละ

Mr.Nicolas Loreau, Director of Food & Beverage กล่าวขอบคุณแขกทุกท่านที่มาร่วมงาน
Chef Andrea Montella แห่งห้องอาหาร Ventizi กล่าวถึงอาหารอิตาเลียนสไตล์ทัสคานีที่เสิร์ฟในคืนนี้ และไวน์มาตรฐานสูงจาก Pietraserena Vinyard ของตระกูล Arrigoni อันเก่าแก่

สามารถจองโต๊ะรับประทานอาหาร และชิม Italian Wine ชั้นเลิศได้ที่ โทร.02-100-6255

SHEIN แบรนด์แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ออนไลน์อันดับ 1 ส่งมอบเสื้อผ้ากว่า 1,000 ชิ้น ด้วยแคมเปญ ‘SHEIN Cares’...

เพื่อเป็นการสานต่อความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการสร้างสรรค์แคมเปญดีๆ SHEIN จึ...