Saturday 20 April 2024 | 3 : 19 am

The Kya Gastronomy by Chef Ken มรดกอาหารไทยร่วมสมัยที่นักชิมต้องลอง!!

แม้จะเป็นธุรกิจร้านอาหารที่เปิดมาได้ปีกว่าๆ ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด 19 ยังคงระบาดอยู่ แต่ The Kya Gastronomy by Chef Ken (เดอะ เคย่า แกรสโตโนมี่ บาย เชฟเคน) ร้านอาหารซึ่งมีเมนูที่ได้ชื่อว่าเป็นมรดกอาหารไทยร่วมสมัย หาทานได้ยากในปัจจุบัน ที่มีเชฟชื่อดังอย่าง เชฟเคน-วัชรวีร์ วิเสทโภชนาทิพย์ เป็นเจ้าของร้าน กลับมีชื่อเสียงจนเป็นที่กล่าวขานถึงของผู้มีรสนิยมในการรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก

เมื่อพูดถึงการตกแต่งร้าน เชฟเคนบอกว่า ได้ไอเดียมาจากการที่เขาเติบโตขึ้นมาในบ้านหลังเก่าเขตหนองจอก ซึ่งเป็นบ้านเรือนไม้สักที่มีระแนงสวยงาม รวมถึงบรรยากาศของความอบอุ่นในครอบครัวเขา ซึ่งทั้งพ่อและแม่เป็นช่างแกง (พ่อครัวแม่ครัวอิสลาม) กันทั้งคู่ แล้วยังเป็นเจ้าของ ‘ไก่ย่างจีระพันธ์’ อันโด่งดังอีกด้วย ทำให้นึกถึงบ้านเรือนไม้สักเก่า ที่เน้นสีเอิร์ธโทนอย่างสีน้ำตาลของเนื้อไม้ และสีเทาธรรมชาติ โดยนำมาผสมผสานกับความโมเดิร์น ด้วยการเลือกโต๊ะเก้าอีที่มีดีไซน์เรียบง่ายนำมาจัดวางภายในร้าน มีภาพวาดฝาผนังสไตล์ป๊อปอาร์ตสีสันสวยงาม โดยตัวร้านมีทั้งโซนที่เป็นห้องแอร์ และโซนเอาต์ดอร์ด้านนอกที่สามารถนั่งรับอากาศธรรมชาติได้ ทำให้ The Kya Gastronomy by Chef Ken (เดอะ เคย่า แกรสโตโนมี่ บาย เชฟเคน) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คุณลูกค้าสามารถมารับประทานอาหารสไตล์ หรือมรดกอาหารไทยร่วมสมัยหลากหลายเมนูอร่อยได้อย่างประทับใจ

เชฟเคน-วัชรวีร์ วิเสทโภชนาทิพย์

เชฟเคน แจกแจงถึงเมนูพิเศษต่างๆ ที่ทำให้ Life Diary ได้รีวิวและได้ลองชิมในครั้งนี้ ซึ่งมีหลากหลายเมนูทีเดียว

ช่อมะลิ
ช่อม่วง
เรไร

ช่อมะลิ ช่อม่วง เรไร

เริ่มจากเมนูเรียกน้ำย่อยหรือเมนูทานเล่น โดยเมนูเหล่านี้จะใช้วิธีนึ่งให้สุก ช่อมะลิจะคล้ายกับช่อม่วง แต่สีของช่อมะลิกลีบของเนื้อแป้งจะเป็นสีขาว เวลาเสิร์ฟจะราดด้วยกะทิรมควันเทียนและโรยด้วยกระเทียมเจียว ส่วนไส้ข้างในจะเป็นไส้กุ้งหรือไก่ สำหรับช่อม่วงกลีบจะเป็นแป้งสีน้ำเงินม่วง ไส้ด้านในจะเป็นไส้ปลา ส่วนเรไรจะเป็นสีเขียวเพราะมีส่วนผสมของน้ำใบเตย ด้านบนจะเป็นหน้าปู

ปลากะพงต้มใบโหระพา

เมนูนี้จะคล้ายกับต้มยำ แต่ที่เราใช้ใบโหระพาเนื่องจากน้ำมันในใบของมันจะช่วยขยายเส้นเลือด ด้วยคอนเซ็ปต์ของร้านเราที่เป็นสไตล์แกสโตรโนมี่ ดังนั้น เมนูส่วนใหญ่ก็จะมีส่วนช่วยรักษาสุขภาพของคนทานได้ เรียกว่าแต่ละเมนูจะมีความเฮลท์ตี้อยู่ด้วย

แกงปูใบชะพลู

เป็นแกงกะทิทางภาคใต้ ที่จะใส่เนื้อปู ใส่ใบชะพลูซอยละเอียด ถ้วยนึงจะใส่ใบชะพลูไม่เกิน 300 กรัม เพราะถ้าใส่มากไป จะมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด แกงปูใบชะพลูนี้ ถ้าปรุงอย่างถูกต้อง รสชาติก็จะออกมาอร่อยมากๆ ทานคู่กับเส้นหมี่ขาว เข้ากันได้ดี

ผัดเผ็ดไก่มะพร้าวคั่วโบราณ

เมนูนี้จะนำมะพร้าวที่ขูดแล้ว มาผัดกับพริกแกง จากนั้นจะใส่เนื้อไก่ และผัดจนร่วนๆ แห้งๆ ดูคล้ายกับเครื่องจิ้ม เวลาทานจะทานร่วมกับผักที่เสิร์ฟมาเป็นเครื่องเคียง

แกงนางลอย

เป็นแกงที่มีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ แกงนี้จะใช้พริกหยวกลูกสวยๆ มายัดไส้ด้วยเนื้อหมูสับ หรือเนื้อไก่ เนื้อกุ้งสับ ผสมด้วยรากผักชี กระเทียม และพริกไทย จากนั้นจะยัดลงในลูกพริกหยวกที่คว้านไส้ในออก แล้ว ตามด้วยการนำไปนึ่ง ต่อด้วยการใช้พริกแกงคั่วนำมาทำน้ำแกง สุดท้ายจึงนำพริกหยวกยัดไส้ที่นึ่งสุกลอยลงไปในน้ำแกงอีกที

อกเป็ดราดซอสมะขาม

ก่อนทำเมนูนี้เราต้องจัดการกับต่อมสาบใต้ผิวหนังของเป็ดซะก่อน โดยต้องนำเป็ดมาทิ่มตามต่อมบริเวณลำตัวด้วยเครื่องมือแหลมๆ จากนั้นจะใช้เกลือ พริกไทย รากผักชีหมัก ตามด้วยน้ำส้มซันคิสคั้นสดพร้อมเปลือกส้มใส่ลงไป แล้วหมักเป็ดทิ้งไว้ ประมาณ 6 ชั่วโมงเพื่อให้วิตามินซีเข้าไปดับกลิ่นสาบให้หายไป คือเป็ดเนี่ยเป็นธาตุไฟหรือธาตุร้อน ถ้าทำไม่เป็นจะเหม็นสาบและค่อนข้างเหนียว การที่ใส่น้ำส้มซันคิสคั้นสดลงไปจะทำให้เนื้อเป็ดนุ่มขึ้น ต่อด้วยการนำไป Pan Fried แล้วนำไปเข้าเตาอบอีกที สุดท้ายราดด้วยซอสมะขามเคี่ยวกับน้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บในปริมาณเท่าๆ กัน (เลือกมะขามกึ่งเปรี้ยวกจากเพชรบูรณ์) ตามด้วยหอมเจียวกับพริกแห้งทอด ก็จะได้เมนูอร่อยที่ลูกค้าชอบอีกหนึ่งเมนู

ข้าวกระยาคู
เมนูนี้เป็นขนมหวานโบราณ ที่คนสมัยก่อนมักจะทำเวลามีการลงแขกเกี่ยวข้าว โดยชาวบ้านก็จะเอาน้ำนมข้าวที่รีดมาได้ นำมาทำขนมข้าวกะยาคู แต่ปัจจุบันที่ร้านจะใส่ลูกแป๊ะก๊วย เนื้อมะพร้าวอ่อน และใบเตยลงไปด้วย ซึ่งมันจะคล้ายๆ กับขนมเปียกปูนสด

พูดง่ายๆ ว่าที่ร้านจะมีเมนูหลากหลายตามสไตล์ของเชฟเคน แต่ลูกค้ากรุ๊ปใดที่อยากทานเมนูเซ็ต ก็จะมีเมนูเซ็ตกลางวัน ราคา 850++บาท ซึ่งเป็นเมนูไทยแท้ 3-4 คอร์ส ไว้เป็นตัวเลือกให้ด้วย หากเป็นเมนูเซ็ตตอนเย็น ราคา 1,850++บาท โดยมีเมนูให้เลือกถึง 7 คอร์สเช่นกัน สำหรับใครที่จะทานอะลาคาร์ท ก็จะมีเมนูแบบที่ Life Diary มารีวิวในครั้งนี้ให้ลูกค้าเลือกทานด้วย

สำหรับเครื่องดื่มอย่างกาแฟ ที่ร้านจะใช้กาแฟ ‘บางขอน’ จากเชียงราย โดยจะมีสูตรเฉพาะของร้านว่า แก้วนึงต้องใช้กาแฟกี่กรัม ต้องใช้น้ำร้อนเท่าไหร่ คือที่ร้านนี้ลูกค้าสามารถนำเครื่องดื่มมาเปิดที่ร้านได้ ทางร้านจะไม่คิดค่าเปิด แต่มีข้อแม้ว่าไม่ให้นำเหล้าหรือวิสกี้มาเปิดที่นี่ ร้านจะอนุญาตเฉพาะเครื่องดื่มที่เป็นซิงเกิลมอลต์หรือเป็นไวน์เท่านั้น

ในหนึ่งสัปดาห์ ร้านจะรับกรุ๊ปวีไอพี ที่จองโต๊ะมาล่วงหน้าประมาณ 2-3 กรุ๊ปเท่านั้น ราคากรุ๊ปละ 80,000-100,000 บาท โดยจะทำล็อบเตอร์กว่า 15 ตัว กุ้งแม่น้ำกว่า 15 ตัว หรือจะเป็นเนื้อย่างและชีสอย่างดี เป็นต้น จึงพูดได้ว่าที่นี่เป็นร้านที่เป็นไพรเวทระดับวีไอพีจริงๆ ก็ว่าได้

ร้านอยู่ที่ซอยสาธุประดิษฐ์ 34 เข้ามาประมาณ 300 เมตร จะเจอตึก Prompt 88 ร้านอยู่ที่ชั้น 8 (เลขที่ 99/88) เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่ 11.00-14.00 น. และ 16.00-22.00 น. ใครที่สนใจอยากทานอาหาร สามารถโทรมานัดคิวและจองโต๊ะล่วงหน้าได้ที่ โทร.06-6121-0188 (ไม่รับลูกค้าวอล์คอิน) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : https://www.facebook.com/The-Kya-Gastronomy-by-Kent-Visetpohchanatip-104177028321759

สำนักงานสลากฯ เปิดตัว โครงการ SEED PROJECT ปี 4 ‘สร้างผู้นำเยาวชน พาท้องถิ่นสู่สากล’

พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือ จีแอลโอ เดิน...